นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟสบุ๊ส “อนุทิน ชาญวีรกูล “ หัวข้อ ร่วมต่อต้าน นายทุน และต่างชาติผูกขาดกัญชาไทย เมื่อวันที่ 23 ก.พ.62 โดยมีใจความว่า นโยบายกัญชาเสรี พรรคภูมิใจไทย กำลัง(ถูกวิจารณ์)ร้อนแรง จากผู้อยู่ในองค์กรของรัฐ และผู้ใช้อำนาจรัฐทุกระดับ ทุกหน่วยงาน ตนทราบดีว่าภายใต้กฎหมายที่รัฐบาลนี้ประกาศบังคับใช้เมื่อเร็วๆ นี้ ประชาชนปลูกไม่ได้ ใช้ไม่ได้ และเชื่อว่าหลายๆ คนที่สนใจเรื่องประโยชน์ของกัญชา ก็รู้ดีว่า กฎหมายฉบับนี้ ยังปิดกั้นประชาชน ไม่ให้เข้าถึงกัญชา ทั้งในฐานะพืชสมุนไพร และพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทในต่างประเทศ
แต่ที่ผมไม่ทราบ และ คนหลายๆ คน ไม่ทราบ ก็คือ เบื้องหน้า เบื้องหลังของกฎหมายฉบับนี้ ว่า ทำไมต้องปิดกั้นสิทธิของประชาชน ทำไมต้องมีแต่หน่วยงานของรัฐ ที่ทำได้ หรือ ร่วมลงทุนดับเอกชนได้ หรือ อนุมัติให้เอกชนทำได้ ซึ่งจะไม่แตกต่างจากการให้สัมปทาน และ นำไปสู่การผูกขาดกัญชา ในอนาคต เหมือน เหล้า เบียร์ ที่มีเอกชนรับสัมปทานผูกขาด และ บุหรี่ ที่รัฐผูกขาดเพียงรายเดียว ในปัจจุบันนี้
ทำไมต้องหวงกัญชาไว้กับตัว ทำไมกัญชาอยู่กับรัฐ หรือ อยู่ในมือคนได้สัมปทาน หรืออยู่กับบริษัทที่รัฐ อนุญาต จึงถูกกฎหมาย ทำไมกัญชาอยู่กับประชาชน ผิดกฎหมาย ทั้งๆ ที่ประชาชนที่สนใจศึกษา รู้จักกัญชา ดีกว่ารัฐ และเจ้าหน้าที่รัฐ รวมไปถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่รอรับสัมปทานทำธุรกิจผูกขาดกัญชา อยู่ในขณะนี้
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ภายใต้กฎหมายที่เพิ่งประกาศใช้นี้ ถ้าไม่มีการแก้ไขให้กัญชา เป็นของประชาชน ตามที่พรรคภูมิใจไทย นำเสนอ ทำนายไว้ตรงนี้เลยว่า วันหนึ่ง จะมีบริษัทระดับชาติ และบริษัทต่างชาติ หรือ นายทุนยักษ์ใหญ่เข้ามาครอบครองและหาประโยชน์ ทำกำไรจากกัญชา เหมือนกับ ธุรกิจสุรา หรือ เหล้า เบียร์ ที่ผู้ได้สิทธิสัมปทานจากรัฐ จะรวยหลายแสนล้านบาท และประชาชนต้องเป็นผู้ซื้อ เป็นผู้จ่ายฝ่ายเดียว ทั้งๆ ที่มีความสามารถผลิตใช้เองได้ แต่กฎหมายบอกว่า “ผิด”ประชาชน ต้มเหล้ากิน มานานหลายร้อยปี เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น อยู่มาวันหนึ่ง รัฐบาลออกกฎหมายห้ามประชาชนต้มเหล้า กินเอง ผิดกฎหมาย ใครจะทำเหล้ากิน หรือ ขาย ต้องมาขออนุญาตจากรัฐบาล ต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่รัฐกำหนด ซึ่งใช้เงินลุงทุนสูง และมีเงื่อนไขที่ประชาชนทั่วไป ทำไม่ได้
“จะมีก็แต่ บริษัทยักษ์ใหญ่ หรือ นายทุนที่มีเงินทุนเป็นร้อยล้าน พันล้าน ไม่กี่รายเท่านั้น ที่จะทำตามเงื่อนไขได้ สุดท้ายกัญชา ก็จะเป็นธุรกิจสัมปทาน ผูกขาด เหมือน สัมปทานเหล้า ในที่สุด วันนี้ นายทุนที่ได้สัมปทานเหล้า รวยหลายแสนล้านบาทวันนี้ ชาวไร่ชาวนา ต้องแอบต้มเหล้ากิน เพราะไม่มีเงินซื้อ แต่ถ้าถูกจับ มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ วันหนึ่ง ธุรกิจกัญชา ก็จะไม่แตกต่างจากนี้
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทย ติดตามศึกษาแนวคิด และแนวทางเรื่องกัญชา ของรัฐบาลมาตั้งแต่เริ่มต้นยกร่างจนกระทั่งออกมาเป็นกฎหมาย เราเห็นว่าเป็นกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชนส่วนใหญ่ เข้าทำนอง “ชนชั้นใดเขียนกฎหมาย เพื่อชนชั้นนั้น”
เราจึงยกร่างกฎหมายของพรรค ขึ้นมาใหม่ เพื่อทำให้ กัญชา เป็นของประชาชน ใครจะใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อการแพทย์ หรือ เพื่อสันทนาการ ต้องได้ใช้อย่างเสรี และมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด หรือ ไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย ภายใต้กติกาที่กำหนดร่วมกัน เพราะเรารู้ดี กฎหมายที่รัฐบาลนี้ ประกาศบังคับใช้ จะนำไปสู่การผูกขาดกัญชาให้แก่กลุ่มทุน ที่จะสร้างผลประโยชน์หลายแสนล้านบาท และปิดกั้นโอกาสประชาชน เข้าถึงกัญชา เป็นการทำลายภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนไทย ที่ใช้กัญชามาหลายร้อยปี พรรคภูมิใจไทย จึงประกาศนโยบาย กัญชาเสรี และจะแก้ไขกฎหมาย อีกครั้ง เพื่อปิดโอกาสกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่หรือ บริษัทต่างชาติ มาสวมชื่อคนไทย ผูกขาดกัญชา และเปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยทุกคน ได้เป็นเจ้าของ ได้ใช้ประโยชน์จากกัญชา อย่างกว้างขวางที่สุด
“นี่คือที่มาของการนำเสนอนโยบาย กัญชาเสรี ของพรรคภูมิใจไทย และอาจจะเป็นเหตุให้ผู้มีอำนาจรัฐ หงุดหงิด และวิจารณ์นโยบายกัญชาเสรี อย่างร้อนแรงในขณะนี้ก็แบบนี้ไง จึงต้อง ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน ดังนั้นหากสนับสนุน นโยบาย กัญชาเสรี ร่วมแสดงพลังคนไทย ต่อต้าน นายทุน&ต่างชาติ ผูกขาดสัมปทานกัญชาไทย 24 มีนา เข้าคูหา กา พรรคภูมิใจไทย” นายอนุทิน กล่าวปิดท้าย