หน้าแรก news เอาแล้ว ! “ศรีสุวรรณ” ยื่นยุบพรรค “อนาคตใหม่”

เอาแล้ว ! “ศรีสุวรรณ” ยื่นยุบพรรค “อนาคตใหม่”

0
เอาแล้ว ! “ศรีสุวรรณ” ยื่นยุบพรรค “อนาคตใหม่”
Sharing

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อประธาน กกต. ขอให้ตรวจสอบกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กระทำการต้องห้ามตามมาตรา 73(5) ประกอบมาตรา 132 และมาตรา 159 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2560

โดยนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่เว็บไซต์ของพรรคอนาคตใหม่เผยแพร่ประวัติของนายธนาธร หัวหน้าพรรคว่าเคยเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ 2 สมัยทั้งที่ไม่เคยดำรงตำแหน่งดังกล่าวถือเป็นการอุปโลกน์ข้อมูลดังกล่าวขึ้น โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นแหล่งรวมสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจ อุตสาหกรรมทั้งประเทศนับแสนคน ใครมาเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมย่อมมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และเป็นที่รู้กันในภาคเอกชนว่าจะมีโอกาสได้รับเลือกให้ไปดำรงตำแหน่งสำคัญในหน่วยงานของรัฐ หรือภาคเอกชนอื่นมากมาย

“จึงเป็นการหลอกลวงประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เข้าใจผิดในข้อมูลข้อเท็จจริง มีโทษตามมาตรา 159 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. จำคุกตั้งแต่ 1-10 ปีปรับตั้งแต่ 2 หมื่นถึงสองแสนบาท ทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี”

นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า การจะอ้างว่าไม่เจตนา ต้องดูองค์ประกอบปัจจัยแวดล้อมหลายด้าน พรรคได้รับการรับรองจากนายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งแต่ 3 ต.ค. 61 และเว็บไซต์ของพรรคก็นำเสนอข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่นั้น จนกระทั่งมีผู้ไปค้นพบว่าข้อมูลที่นำเสนอไม่ใช่ข้อเท็จจริง แล้วจึงค่อยมีการแก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 62 ระยะเวลากว่า 5 เดือน ที่ปรากฎข้อมูลอยู่ในเว็บไซต์ของพรรค จึงเป็นการชี้ชัด ว่ามีเจตนาต้องการที่จะสื่อข้อมูลเหล่านั้นให้กับผู้บริโภค ดังนั้นการจะอ้างว่าไม่มีเจตนาที่จะนำเสนอข้อมูลเหล่านั้นจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอ

นายศรีสุวรรณ ระบุด้วยว่า นอกจากนี้ยังขอให้ตรวจสอบกรณีนายปิยบุตร เลขาธิการพรรค ที่ไปปราศรัยที่ จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 16 ก.พ. และวันที่ 18 ก.พ. ได้มีการนำข้อความมาโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะว่า หน่วยงานรัฐส่วนกลางและสื่อมวลชนบางกลุ่มร่วมมือกันในการที่จะทำให้คนอีสานเป็นตัวตลก และไม่มีความรู้ คำพูดในลักษณะนี้เป็นการสื่อความหมาย ดูหมิ่นดูแคลน ใส่ไคล้คนอีสาน หน่วยงานรัฐส่วนกลางและสื่อมวลชนบางกลุ่มซึ่งไม่เป็นข้อเท็จจริง จึงเข้าข่ายเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ เข้าข่ายผิดตามมาตรา 73 (5) เช่นเดียวกัน

“โดยการกระทำของบุคคลทั้ง2 เป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ยังอาจมีผลให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งตามกฎหมายเลือกตั้งมาตรา 132 กำหนดว่า กรณีปรากฎหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองกระทำมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้สมัครของพรรคกระทำการอันอาจทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรมสามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นได้ จึงขอให้กกต.พิจารณาในประเด็นดังกล่าวด้วย” นายศรีสุวรรณ ระบุ


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่