นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายกัญชาเสรี ผ่านเฟซบุ๊ค “Suphachai Jaismut” ว่า ขณะที่พรรคภูมิใจไทยเสนอนโยบายกัญชาเสรี ภาครัฐ ราชการทุกภาคส่วน ต่างพร้อมใจกันออกมาแสดงความเห็นว่าทำไม่ได้ด้วยเหตุนานัปการ
ขณะที่พรรคภูมิใจไทยเสนอนโยบายนี้ให้ประชาชนทุกครัวเรือนได้ปลูกกัญชาเสรีภายใต้การควบคุมอย่างเคร่งครัดของกฎหมายที่จะออกมาบังคับอย่างเหมาะสม ภาครัฐก็กำลังแสดงให้เห็นว่ารัฐหรือราชการต้องการผูกขาดกัญชาไว้ในมือเพื่อประโยชน์ของนายทุนหรือรัฐวิสาหกิจของรัฐเอง ไม่ยอมให้ประชาชนได้เข้าถึงโอกาสที่จะสร้างฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากรายได้ของการปลูกกัญชา
การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ของการต่อสู้ระหว่าง”การรักษาอำนาจรัฐ เพื่อการผูกขาดของรัฐ”กับ”การลดอำนาจรัฐ เพื่อปากท้องประชาชน”
ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้ในบ้านเมืองนี้ หากเป้าหมายคือการทำเพื่อประชาชน ทุกอย่างทำได้หากทำเพื่อปากท้องประชาชน
ทั้งนี้ นาย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ระบุ ให้หน่วยงานดังต่อไปนี้ มีสิทธิ์ปลูก ผลิต นำเข้า และส่งออกกัญชา ได้แก่ มหาวิทยาลัยของรัฐบาลที่มีการเรียนการสอนด้านการแพทย์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เกษตรศาสตร์ หรือหน่วยงานของรัฐที่ให้บริการทางการแพทย์ (เช่น โรงพยาบาลภาครัฐ) เภสัชกรรม (เช่น องค์การเภสัชกรรม) การเกษตรเพื่อการแพทย์ หน่วยงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้โทษ และ สภากาชาดไทย
หรือผู้ประกอบวิชชาชีพที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ 7 ประเภทได้แก่ เวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม สัตว์แพทย์ชั้นหนึ่ง แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือ มหาวิทยาลัยเอกชนที่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์ (เช่น มหาวิทยาลัยรังสิต) หรือ เกษตรกรที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมาย หรือที่รัฐมนตรีอนุญาต จะขออนุญาตต่อคณะกรรมการก็ได้แต่ก็ต้องร่วมกับหน่วยงานกับหน่วยงานของรัฐตามที่ได้กล่าวมาแล้วเท่านั้น