(27 ก.พ.62) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์เฟซบุ๊ก “Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)” ระบุว่า
สวัสดีครับ พี่น้องมวลมหาประชาชนทุกท่าน จากโพสต์ที่แล้วของผม ที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากทั้ง 2 ฟากฝั่ง
มียอดคนเข้ามาอ่านแล้วกว่าหนึ่งล้านสามแสนราย มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกว่าสามพันคน
มีคนกดไลค์กว่าหนึ่งหมื่นห้าพันครั้ง และถูกแชร์ออกอีกไปเกือบสี่พันครั้ง
บางคนคอมเมนท์ว่าจงใจจะเรียกคะแนนจากคน กปปส.เก่าเพื่อหวังผลทางการเมืองหรือไม่
เข้าใจถูกแล้วครับ ! ผมเรียกเพราะหลายๆ คนที่เขารักชาติรักสถาบัน เห็นว่าประเทศกำลังจะไม่ปลอดภัย “อีกแล้ว”
“แม้ไม่ได้ชวน ก็พร้อมจะออกมา และไม่ต้องท้า ก็พร้อมจะลุยสู้ ”
“เพราะอึดอัดเหลือทน”
มีพี่น้องมวลมหาประชาชนหลายท่าน ได้ขอให้ผมนำความคิดเห็นของท่านอื่นๆ จากหลากหลายวงการ
มา “ชี้เป้า”ให้ได้อ่านกันอีกในวันต่อๆ ไปด้วย …ยินดีครับ
ผมเชื่อว่าวันนี้ มีคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่ยังคง “หัวร้อน” กับผลงานสุดแสนอัปยศจาก “ระบอบทักษิณ”
เลยขอยกมาเตือนความทรงจำกันสักหน่อย….
จำได้ไหมกับคดีปล่อยเงินกู้เอ็กซิมแบงก์ 4 พันล้าน คดีแปลงสัมปทานมือถือ–ดาวเทียม
คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ 9 พันล้านบาท ให้กับกฤษดามหานคร
คดีทุจริตหวยบนดินเลขท้าย 2 และ 3 ตัว
นี่ยังไม่นับคดีซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ซึ่งศาลตัดสินจำคุก
ล้วนแล้วแต่ทำให้ประเทศต้องสูญเสียงบประมาณจำนวนนับแสนล้าน
แต่เจ้าตัวลอยนวลปล่อยให้ผู้อื่นเดินเข้าคุก
ล่าสุดได้อ่านข่าวว่า ป.ป.ช.มีหลักฐานพบว่า คุณทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดี
ได้ Skype กับน้องสาว คุณยิ่งลักษณ์ และคุณบุญทรง
เพื่อบงการ การจำนำข้าว โดยที่คุณเยาวภาก็รับทราบ
จนทำให้วันนี้ลูกหลานไทยต้องก้มหน้าตามชดใช้หนี้สินจากนโยบายจำนำข้าว จำนวนมหาศาลถึง 5 แสนล้านบาท
จะต้องใช้เวลานานถึง 16 ปี ที่จะจ่ายหนี้ปีละ 5.9 หมื่นล้าน ได้ครบ
ที่สำคัญ …ประเทศชาติจะต้องชดใช้ดอกเบี้ยถึงปีละ 2หมื่นล้านบาททีเดียว !
ที่ยกเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาก็เพื่อต้องการจะย้ำให้ชัด ว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้
ไม่ใช่การเลือกระหว่าง “ข้างประชาธิปไตย” (จริงหรือ) กับ “ข้างเผด็จการ”(จริงหรือ)
แต่ว่าเลือก “ข้างประเทศไทย” กับ “ข้างระบอบทักษิณ” ต่างหาก
ผมขอทิ้งคำถามตรงๆ ว่าเราคนไทย “ จะเลือกอยู่ข้างไหน? ”
“ จะยอมให้ระบอบทักษิณ กลับมาได้อีกครั้งหรือไม่? ” ยังไม่ต้องตอบกันตอนนี้
เอาไว้ให้ถึงวันที่ 24 มีนาคม แล้วค่อยมาตอบกันที่คูหากาบัตรเลือกตั้ง
ขอให้คิดดูดีๆว่า “ยอมกันได้ไหม?”