นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคเพื่อชาติ กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อกรณี ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ยุบพรรคไทยรักษาชาติ รวมถึงตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ 10 ปี ว่า ตนขอแสดงความห่วงใย และเสียใจมายังกรรมการบริหารพรรค รวมถึงสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติทุกคนด้วย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วเราก็ได้แต่น้อมรับคำตัดสิน ในฐานะที่เราอยู่ในพรรคฝั่งประชาธิปไตยด้วยกัน พรรคเพื่อชาติ รู้สึกเสียใจ มิต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หวังว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะมิใช่สัญญาณ หรือจุดเริ่มต้นแห่งความวุ่นวายในประเทศ หรือหากเป็นไปได้ ในเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นแล้ว ก็อยากให้เป็นกรณีศึกษาเทียบเคียง กับกรณีที่มีผู้ร้องให้มีการยุบอีกพรรคการเมืองหนึ่งด้วย นั่นก็คือพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้มีหลายคนตั้งข้อสังเกตถึง ความแตกต่างในการดำเนินคดีตัดสิน พรรคไทยรักษาชาติอย่างรวดเร็ว แต่กับพรรคพลังประชารัฐ กลับยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ทั้งที่หากปล่อยให้คดีตามร้องดังกล่าวนั้น ผ่านพ้นวันเลือกตั้งไปได้ แล้วผิดจริงตามกล่าวหา จะเกิดผลกระทบตามมาอย่างใหญ่หลวง นั่นคือ อาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ ตนก็ได้แต่หวังว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จะได้ทำงานให้เป็นที่ประจักษ์ถึงความสุจริต เที่ยงธรรม เท่าเทียม อย่าให้มีใครมาว่าได้ ว่าเกรงกลัวผู้มีอำนาจ หรือ เอื้อประโยชน์ให้กับบางพรรคการเมือง
นายรยุศด์ ยังกล่าวอีกว่า พรรคไทยรักษาชาติ ส่วนใหญ่แล้วกรรมการบริหารพรรค เป็นคนรุ่นใหม่ เช่นเดียวกับตน ต้องมาโดนตัดสิทธิทางการเมืองถึง 10 ปี ตนก็รู้สึกเสียดายโอกาสแทนประชาชนคนไทย ที่จะไม่ได้คนรุ่นใหม่ ไฟแรง เหล่านี้มาเป็นตัวแทนให้พ่อแม่ พี่น้อง แต่ก็หวังว่าคนเหล่านี้จะยังคงทำประโยชน์ให้กับประเทศ ประชาชนได้ด้วยวิธีอื่น ที่ไม่ใช่การเมือง ตนจะเฝ้ารอวันที่คนเหล่านี้กลับมามีสิทธิทางการเมือง หวังว่าวันนั้นพวกเขาจะได้กลับมาทำประโยชน์สูงสุดให้ประเทศชาติ ประชาชน ดังที่ตั้งใจ อย่าพึ่งหมดไฟกันก่อน
อย่างไรก็ตาม ตนขอให้พี่น้องประชาชน อย่าพึ่งหมดหวัง แม้พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ แต่ยังมีพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยอีกหลายพรรค ที่มีอุดมการณ์ จุดยืน ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย พร้อมที่จะจับมือกัน ทำลายเผด็จการ ขอเพียงพี่น้องประชาชน วันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้ ไปเลือกตั้ง จับปากกา ฆ่าเผด็จการ เลือกพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยให้ได้รวมกันเกิน 376 เสียง เพื่อส่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กลับบ้าน ทำให้เผด็จการรู้ว่า อำนาจที่แท้จริงเป็นของประชาชน
ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง “ยุบพรรคไทยรักษาชาติ” ระบุว่า จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ พรรคอนาคตใหม่มีความเห็นต่อกรณีดังกล่าว ดังนี้
- ในรัฐเสรีประชาธิปไตย บุคคลที่มีแนวคิดอุดมการณ์เดียวกันย่อมมีเสรีภาพในการรวมตัวกันจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อเข้าสู่อำนาจรัฐโดยผ่านการนำเสนอนโยบายเพื่อให8ประชาชนเลือกพรรคการเมืองจึงเป็นสถาบันการเมืองอันสำคัญยิ่งในระบอบประชาธิปไตย การยุบพรรคการเมืองจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อเหตุอันจำเป็นที่จะต้องรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น
- ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา มีกระบวนการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง มีการยุบพรรคการเมืองซึ่งครองเสียงข้างมากมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีต่อระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ตรงกันข้าม การยุบพรรคการเมืองกลับทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยต่อการใช้อำนาจขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ จนทำให้ประเทศไทยเดินทางมาถึงจุดที่ไม่อาจหา “ข้อยุติ” ที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้
- การยุบพรรคการเมืองในช่วงเวลาก่อนถึงวันเลือกตั้งเพียง 17 วัน ย่อมส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ด้วย ในประการแรก การยุบพรรคการเมืองเป็นการตัดโอกาสมิให้พรรคการเมืองที่ถูกยุบได้เข้าแข่งขันในการเลือกตั้ง และทำลายเจตจำนงของประชาชนที่ต้องการเลือกพรรคการเมืองที่ถูกยุบ ประการที่สองการยุบพรรคการเมืองในช่วงเวลานี้อาจทำให้ประชาชนเสียความเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างเสรีและเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากพรรคที่ถูกยุบเป็นพรรคที่มีจุดยืนต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.
- ในรัฐเสรีประชาธิปไตยประกอบไปด้วยความชอบธรรมสองประการ ประการแรก ความชอบธรรมจากฐานที่มาของอำนาจรัฐ ได้แก่ อำนาจของประชาชนในการตัดสินใจทางการเมือง การเลือกผู้แทนราษฎรและรัฐบาล ประการที่สอง ความชอบธรรมจากการจำกัดการใช้อำนาจ ได้แก่ การประกันเสรีภาพของประชาชนมิให้ถูกอำนาจรัฐล่วงละเมิด และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า ในรัฐเสรีประชาธิปไตยสถาบันทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องถูกตรวจสอบ เช่นเดียวกัน รัฐเสรีประชาธิปไตยก็ไม่อาจยอมรับให้องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสามารถใช้อำนาจในนามของการตรวจสอบตามอำเภอใจ
ขบวนการ “ตุลาการภิวัตน์” หรือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองตลอดกว่าทศวรรษ ไม่ได้ช่วยให้ความขัดแย้งทางการเมืองลดลง แต่กลับทำให้ระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจถูกตั้งคำถาม จนกลายเป็นว่า ฝ่ายหนึ่ง ก็มองว่ารัฐบาลเสียงข้างมากใช้อำนาจโดยมิชอบ อีกฝ่ายหนึ่ง ก็มองว่าองค์กรตุลาการและองค์กรอิสระต้องการทำลายฝ่ายเสียงข้างมาก สภาพการณ์เช่นนี้ นำมาซึ่งการแตกขั้วทางการเมืองจนถึงที่สุด จนสังคมไทยไม่อาจหาฉันทามติได้
พรรคอนาคตใหม่เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อออกแบบความสัมพันธ์ ระหว่างสถาบันการเมืองต่าง ๆ ให้ได้ดุลยภาพ เคารพเสียงข้างมากพร้อมกับคุ้มครองเสียงข้างน้อย สร้างระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ องค์กรตุลาการ และองค์กรอิสระที่ได้มาตรฐานตามแบบประชาธิปไตยสากลและสามารถควบคุมมิให้เสียงข้างมากใช้อำนาจโดยมิชอบได้ โดยต้องไม่ตกเป็น “เครื่องมือ” ในการกวาดล้างทางการเมือง
พรรคอนาคตใหม่ขอเรียกร้องให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียงในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562เพื่อต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้ระบอบเผด็จการได้วางกลไกการสืบทอดอำนาจ ผ่านรัฐธรรมนูญและกฎหมายไว้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานอำนาจของประชาชนได้ 24 มีนาคม 2562 จับปากกาฆ่าเผด็จการ เริ่มต้นยุติวงจรรัฐประหาร เปิดฉากการเมืองแบบใหม่ที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน