19 มีนาคม ผู้สื่อข่าว Ringsideการเมือง ลงพื้นที่ ม.รังสิต รับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก ในประเด็นนโยบายที่ชื่นชอบ บุคคลิกนายกฯในดวงใจ และความคาดหวังต่อการเมืองไทยหลังเลือกตั้ง
นายธนบดี ปภาวินนรกุล (ฟีม) นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ กล่าวว่า ส่วนตัวเสียดายเวลา 4- 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบ้านเมืองไม่ได้เจริญเติบโตขึ้นมาเลย ดังนั้น เมื่อมีโอกาสได้เลือกตั้ง ขอให้ทุกฝ่ายใช้โอกาสนับจากนี้อย่างคุ้มค่า เปิดทางให้บ้านเมืองเดินไปในทิศทางที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ ใครโกรธเกลียด ขอให้ลดราวาศอก และมองประชาชน รวมถึงบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง
นโยบายที่ชื่นชอบ ชอบนโยบายของพรรค “ภูมิใจไทย” ที่ชูเรื่องการแก้กฎหมาย ให้ GRAB เป็นเรื่องถูกกฎหมาย ให้กัญชาเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เพราะประชาชนยากจน ก็ควรจะมีช่องทางในการทำมากินมากยิ่งขึ้น อะไรที่หาเงินได้ ไม่เดือดร้อนใคร อย่าไปขัดขวางกันเลย โลกไปไกลแล้ว กฎหมาย และผู้ปกครองต้องก้าวให้ทันโลก ส่วนนายกฯในดวงใจ ส่วนตัวชอบผู้นำมีวิสัยทัศน์ เป็นคนกล้าคิด กล้าตัดสินใจ
น.ส.ธันย์ชนก พรวนัช (ออม) นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ กล่าวว่า ส่วนตัวชอบ “พรรคอนาคตใหม่” เพราะมีแนวคิดที่ทันสมัย และตนเองก็ไม่ชอบ “ลุงตู่” เป็นทุนเดิม ยิ่งสอดคล้องกับแนวทางของพรรคนี้ อย่างไรก็ตาม รู้สึกผิดหวังที่ทุกพรรคการเมืองมีนโยบายด้านการศึกษาออกมาน้อยไปหน่อย ทั้งที่การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนตัวอยากให้การศึกษาเป็นบริการสาธารณะ เด็กทุกคนต้องมีโอกาสเรียนฟรี และต้องมีคุณภาพ มีการรับประกันทักษะความสามารถในระดับที่หางานทำได้ ไม่ใช่จ่ายครบ จบแน่ สำหรับนายกฯ หลังการเลือกตั้ง ตนอยากได้คนที่มีความสามารถในการบริหารจัดการ ผ่านการดูแลองค์การขนาดใหญ่ เพราะบ้านเมืองไม่ใช่ที่สำหรับทดลองงาน
“นานๆ จะได้เลือกตั้งที ถ้าได้คนไม่เก่งจริงเข้ามา ต้องบอกว่าเสียดายโอกาสประเทศ ตำแหน่งผู้นำมีความสำคัญ ถ้าผู้นำเก่ง ประชาชนก็อยู่ดีกินดี แต่ถ้าได้คนไม่เก่ง คนที่พูดอย่างเดียว แต่ไม่ทำ หรือทำไม่เป็น ทำไม่ถูกจุด ประชาชนอย่างเราก็ซวย”
นายกรพล เอียดแก้ว (เต๋อ) นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ กล่าวว่า ถ้าถามว่าชอบพรรคไหน ชอบใคร ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่อยากเห็นพรรคที่ทำงานเพื่อแก้ปัญหาปากท้องก่อนเล่นการเมือง เพราะประชาชนลำบากมาก อยากให้ดูแลตรงนี้ก่อนการแก้รัฐธรรมนูญ อยากเห็นนักการเมืองคุยกันด้วยเหตุผล ไม่คิดแต่จะสร้างความขัดแย้ง รู้จักให้อภัย และคุยกันบ้าง โตๆกันแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่า ถ้าประชาชนอยู่ดีกินดี ทุกปัญหาจะยุติลงไปเองโดยอัตโนมัติ นอกจากนั้น อยากให้ทุกคนเคารพผลของการเลือกตั้ง และอดทนรอคอย หากใครโกงกินชาติ ปล่อยให้เป็นกระบวนการของระบบตรวจสอบเข้ามาจัดการ กรุณาอย่าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง เพราะจะพาบ้านเมืองกลับไปจุดเดิม แล้วการเลือกตั้ง รวมไปถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อาจจะกลายเป็นของไร้ค่าทันที
นายณัฐชนน นุ่นรอด (ฟร้อง) นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ กล่าวว่า ตามการเมือง และศึกษานโยบายของแต่ละพรรคมาตลอด ชอบเรื่องกัญชาเสรีของพรรค “ภูมิใจไทย” เพราะเป็นช่องทางการหารายได้เข้ากระเป๋าประชาชน ซึ่งสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้
ทั้งนี้ กัญชากำลังได้รับความนิยม ในฐานะพืชสมุนไพร อยากให้ลุงป้าน้าอา เปิดใจให้กว้าง และรับฟังความจริงมากกว่าความเชื่อแบบเดิมๆ ขณะนี้ ตนไม่ได้ปลูก และไม่เคยเสพ แต่หากในอนาคต กฎหมายเปิดให้ปลูก ให้ขายได้ ตนจะเป็นคนแรกๆ ที่ปลูกกัญชาหารายได้ ขอชมว่าคนคิดนโยบายนี้มีความกล้า และเจ๋งมากๆ สำหรับอนาคตการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร คิดว่า ถ้าฟังเสียงประชาชน บ้านเมืองไปต่อได้ แต่ถ้าฝืนเสียงประชาชน คิดเข้าข้างตัวเอง ไม่ปล่อยให้ประชาธิปไตยเดินหน้า น่าจะเกิดความวุ่นวาย ต้องขอวอนให้นักการเมืองทุกสีทุกฝ่ายมีสปีริต และมีน้ำใจนักกีฬา
ด้าน น.ส.ศศิภาส์ ขันติศุข (แป้ง) นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ให้ความเห็นว่า ที่บ้านทำเกษตรกรรม มีปัญหาเรื่องการชลประทาน เพราะอยู่พื้นที่ปลายน้ำ น้ำไหลมาไม่ถึง แต่ปรากฏว่ายังไม่มีพรรคไหนพูดเรื่องชลประทานเลย ก็ต้องบอกว่าผิดหวังมาก ที่เรื่องสำคัญถูกละเลย ทั้งที่ปากบอกว่าไทยเป็นเมืองเกษตร แต่กลับมองข้ามเรื่องเหล่านี้ ดังนั้น การตัดสินใจเลือกใครเข้ามาบริหารประเทศ หากใครมีนโยบายช่วยเหลือชาวไร่ ชาวนา มากกว่า ก็เลือกคนนั้น ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นประกันของประชาธิปัตย์ จำนำของเพื่อไทย หรือแบ่งปันกำไรของพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายกฯในฝัน เป็นใครก็ได้ ที่คิดได้ ทำได้ ไม่ขายฝัน ไม่พาบ้านเมืองตกต่ำ