จากคำทำนายว่าจะเป็นพรรคต่ำ 10 พรรคเด็กน้อย สู่การเป็นพรรคที่มีเสียงในสภาทะลุ 70 เสียง นี่คือความสำเร็จอย่างมหาศาลเหนือการคาดเดาของพรรคที่มีชื่อว่า “อนาคตใหม่” และผู้ชายที่ชื่อธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ความสำเร็จดังกล่าวมาจากการเดินนโยบายแตกหักกับฝ่ายตรงข้าม ชนิดสะใจคนดู เรียกเสียงเฮจากกองเชียร์ที่สำคัญ เนื้อหาการปราศรัยแบบถอนหงอกคู่แข่ง เน้นย้ำอุดมการณ์ “ถอนรากถอนโคนเผด็จการ” ยังเป็นที่ปลาบปลื้มของคนรุ่นใหม่ ที่ยกให้อนาคตใหม่ คือตัวแทนของตนในพื้นที่ซึ่งคนรุ่นลุงมีอิทธิพลสูงยิ่ง นี่คือหัวหมู่ทะลวงฟัน เพื่อสร้างพื้นที่ให้กับเด็กไทยในสนามการเมืองสยาม
ที่สำคัญ ด้วยนโยบายการพุ่งเป้าอัดกระแทกขั้วเห็นต่าง การหาเสียง ยังผสมผสานกับการใช้สื่อโซเชียลเต็มรูปแบบ และการลงพื้นที่อย่างหนักของแกนนำพรรคทำให้พรรคได้รับความรู้จักไปทั่ว ในฐานะแนวหน้าต้านลุงตู่ และเป็นความหวังใหม่ของคนชังลุงตู่ที่ฝังตัวอยู่ทั่วประเทศ
ยิ่งมาบวกกับอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือการเดินเกมที่ผิดพลาดของพรรคเพื่อไทย ที่ลงสมัครลแบบไม่ครบเขต ด้วยต้องการให้ทัพลูกอย่างไทยรักษาชาติไปเก็บแต้มให้ ตามยุทธศาสตร์แตกแบ้งก์พัน แต่กลายเป็นพรรค ทษช.โดนยุบแต่ไก่โห่ หลายพื้นที่จึงเหลือเพียงอนาคตใหม่ ที่ไล่เก็บแต้มแบบไม่ต้องคิดเรื่องแชร์ส่วนแบ่งกับใคร
ต้องยอมรับว่ายุทธศาสตร์พรรคอนาคตใหม่ ประสบความสำเร็จในสนามเลือกตั้ง จนเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในปรากฎการณ์การเมืองไทย
ทั้งนี้ การประสบความสำเร็จว่ายากยิ่งยวดแล้ว แต่การรักษาความสำเร็จยิ่งยากกว่าหลายเท่าตัว เพราะอย่าลืมว่าก่อนจะมาถึงวันที่พรรคประชาธิปัตย์ราบพณาสูร นี่คือพรรคซึ่งเคยเป็นขั้วการเมืองหลักตลอด 10 ปีที่ผ่านมา และได้เสียงทะลุ 100 มาโดยตลอด ดังนั้น การยืนระยะ จึงเป็นความท้าทายของอนาคตใหม่ไม่น้อย
แต่ในอนาคตอันใกล้ ต้องจับตาดูว่าก้าวย่างของอนาคตใหม่จะเป็นอย่างไร เพราะฝ่ายคู่แข่งอย่างพลังประชารัฐ ไดตีตั๋วเข้ามาในสภาจำนวนมากเช่นกัน
จากนี้ เราจะเห็นตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ เปิดฉากซัดกันเอง การลงสู่สนามสภาของรังสิมัน โรม และการคัมแบ็กของสมศักดิ์ เทพสุทิน
สำหรับคอหนังฮาร์ดคอ การปะทะกันระหว่างอนาคตใหม่ กับพรรคพลังประชารัฐ คือมวยคู่หยุดโลก ต้องจับตามอง
Ringsideการเมือง