นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย จี้ กกต เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงบัตรผีโผล่ใน 10 จังหวัด ที่เผยแพร่ในโซเซียล โดยมีการเปรียบเทียบจำนวนผู้มีสิทธิ์กับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ คือ จังหวัดเชียงรายมีจำนวนบัตรเกิน 405,430 ใบ จังหวัดเชียงใหม่ 455,369 ใบ จังหวัดตรัง 164,635 ใบ จังหวัดตราด 86,648 ใบ จังหวัดตาก 101,354 ใบ จังหวัดนครนายก 108,701 ใบ จังหวัดนครปฐม 254,294 ใบ จังหวัดนครพนม 217,444 ใบ จังหวัดนครราชสีมา 839,564 ใบ และจังหวัดนครศรีธรรมราช 404,784 ใบ รวม 3,038,223 ใบ นอกจากนี้มีข้อมูลว่าในเขตหลักสี่ของกรุงเทพฯ ก็มีบัตรเกินด้วยเช่นกัน
กรณีบัตรลงคะแนนเลือกตั้งเกินนั้นหากเป็นข้อเท็จจริง ถือว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง มีโทษทางอาญาและมีผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรมและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย จึงน่าเชื่อว่าบัตรผีที่โผล่เกินมานั้นมาจากกลไกอำนาจรัฐซึ่งถูกกุมสภาพโดยรัฐบาล คสช. จึงขอเรียกร้องไปยัง กกต ให้ดำเนินการตรวจสอบโดยเร่งด่วนและดำเนินการนำผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป หาก กกต ไม่ดำเนินการใดๆ อาจเป็นที่ครหาต่อสายตาอารยประเทศว่าการเลือกตั้งของประเทศไทยไม่ชอบธรรมและจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลไทยได้
ด้านนางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติได้กล่าวขอบคุณสำหรับทุกคะแนนที่มอบให้พรรคเพื่อชาติและฝ่ายประชาธิปไตย พร้อมเผยว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาตนนั่งดูผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของ กกต. แบบงุนงง คือมีหลายเขตเลือกตั้งมากที่น่าสงสัย เช่น จังหวัดชัยภูมิผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 214,395 ราย แต่บัตรเสีย 294,719 ราย บัตรเสียที่เกินผู้มาใช้สิทธิมาจากไหน กกต. ข่วยชี้แจงด้วย มีกรณีแบบนี้และกรณีที่บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนผู้ใช้สิทธิจำนวนมาก อีกทั้งมีกรณีที่ผลคะแนนพรรคฝั่งประชาธิปไตยที่นำอยู่ลดลงเป็นหมื่นคะแนน กลายเป็นฝั่งสืบทอดอำนาจคะแนนขึ้นมานำ ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในโลกโซเชียลมีการรวบรวมกรณีผิดปกติเหล่านี้ตั้งแต่ปิดหีบจนถึงบัดนี้ 76 กรณีแล้ว ขอให้ กกต. ช่วยชี้แจงโดยด่วนจะได้ไม่สร้างความคลางแคลงใจให้สังคมว่า คืนวันนับคะแนนเลือกตั้ง คือ “คืนบัตรผีสิง”
อย่าให้การการเลือกตั้งครั้งนี้ได้เปลี่ยนคำขวัญสอนเยาวชนที่ว่า “โตไปไม่โกง กลายเป็น โตไปไม่โกงแต่ลุงแก่แล้วโกงได้” โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าวทิ้งท้าย