หน้าแรก news “เพื่อไทย” แถลงรวม ส.ส.ถึง 250 แล้ว ลั่นได้เสียงทั้งประเทศมากกว่าฝ่ายเอา “ลุงตู่” 6 ล้านคน

“เพื่อไทย” แถลงรวม ส.ส.ถึง 250 แล้ว ลั่นได้เสียงทั้งประเทศมากกว่าฝ่ายเอา “ลุงตู่” 6 ล้านคน

0
“เพื่อไทย” แถลงรวม ส.ส.ถึง 250 แล้ว ลั่นได้เสียงทั้งประเทศมากกว่าฝ่ายเอา “ลุงตู่” 6 ล้านคน
Sharing

(26 มี.ค.62) พรรคเพื่อไทย นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรคออกแถลงการณ์พรรคเพื่อไทย เรื่อง  “ความเห็นต่อการจัดการเลือกตั้งและจุดยืนการจัดตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชน” ระบุว่า ตามที่ได้มีเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้ปรากฏข้อเท็จจริงที่แสดงให้เห็นถึงปัญหา และกระบวนการในการจัดการเลือกตั้ง รวมถึงผลของการเลือกตั้งที่ทำให้เห็นถึงกติกาที่ไม่ชอบธรรม นำมาซึ่งการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เสรีและเป็นธรรม นั้น

พรรคเพื่อไทยจึงขอแถลง ดังนี้

1.ความเห็นต่อการจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง

พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การดำเนินการจัดการเลือกตั้งของ กกต. ในครั้งนี้ มีปัญหามาตั้งแต่ต้น เริ่มจากหัวหน้า คสช. ซึ่งมีส่วนได้เสียในการเลือกตั้ง มีอิทธิพลต่อการกำหนดกติกา กำหนดกรรมการ รวมทั้งใช้อำนาจตามมาตรา 44 เข้ามาแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งหลายครั้ง และในระหว่างการเลือกตั้งยังมีความไม่โปร่งใส ในหลายขั้นตอน ทั้งกระบวนการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ที่ไม่ระบุจำนวนและสถานที่พิมพ์ ทำให้ตรวจสอบไม่ได้ การปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในการเลือกตั้งอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะในรูปแบบ   ของการซื้อเสียง การใช้อำนาจรัฐ การใช้อิทธิพลข่มขู่คุกคามผู้สมัครและผู้สนับสนุนในหลายพื้นที่ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวแพร่หลายโดยทั่วไป จนถึงขั้นตอนการนับคะแนน และการประกาศผลคะแนน ที่คะแนนจากหน่วยเลือกตั้งไม่ตรงกับที่มีการรายงานผล มีคะแนนมากกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ อันแสดงให้เห็นว่ามีการใช้อำนาจรัฐ   เข้ามาแทรกแซงในกระบวนการจัดการเลือกตั้งอย่างเห็นได้ชัด จนเป็นที่มาของการที่ประชาชนได้แสดงเจตจำนงที่จะเข้าชื่อถอดถอน กกต. ขณะนี้กว่า 700,000 คนแล้ว

2.ความเห็นต่อผลการเลือกตั้งและจุดยืนในการจัดตั้งรัฐบาล

ผลจากการเลือกตั้งได้สะท้อนให้เห็นถึงระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่จะทำให้เกิดปัญหาตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรคการเมืองใดมีเสียงข้างมากเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้เอง และผลที่จะเกิดขึ้นต่อการเป็นรัฐบาลผสม ที่จะทำให้ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวพรรคเพื่อไทย ได้คัดค้านและแสดงความไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้น

เมื่อพิจารณาจากผลการเลือกตั้ง โดยคำนึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนผ่านการเลือกตั้งจะเห็นได้ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้มีการแบ่งฝ่ายของประชาชนและของพรรคการเมืองอย่างชัดเจน ระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนให้หัวหน้า คสช. สืบทอดอำนาจต่อไป โดยมีพรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำ กับฝ่ายประชาธิปไตยที่คัดค้านการสืบทอดอำนาจดังกล่าว โดยมีพรรคเพื่อไทยและพรรคแนวร่วมอื่นๆ อีกหลายพรรค ซึ่งผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการขณะนับคะแนนได้ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทย ได้จำนวน ส.ส. มากที่สุดประมาณ 137 คน ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ได้ ส.ส. ประมาณ 118 คน จึงต้องถือว่าพรรคเพื่อไทยได้รับฉันทามติจากประชาชน เพื่อให้เข้ามาบริหารประเทศ แต่พรรคพลังประชารัฐกลับอ้างคะแนนเสียงรวมของประชาชน ทั้งที่คะแนนดังกล่าวได้แปลงมาเป็นจำนวน ส.ส. แล้ว นอกจากนี้เมื่อรวมจำนวน ส.ส. ของพรรคการเมืองทุกพรรคที่ประกาศชัดเจนก่อนการเลือกตั้ง ว่าคัดค้านการสืบทอดอำนาจ ก็มีจำนวน ส.ส. มากกว่า 250 คน และมีจำนวนคะแนนเสียงมากกว่าคะแนนเสียงของพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจกว่า 6 ล้านเสียง

3.พรรคเพื่อไทยเห็นว่าผลการเลือกตั้งเบื้องต้นสะท้อนว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่สนับสนุนให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ดังนั้น การที่พรรคการเมือง บางพรรคจะร่วมตั้งรัฐบาลและสนับสนุนให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปนั้น น่าจะเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งรัฐบาลเช่นนี้จะไม่ได้ความยอมรับจากประชาชนและจะเป็นรัฐบาลที่ไร้เสถียรภาพ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาอื่นๆ ของประชาชนได้เลย

พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองคำนึงถึงประเทศชาติและประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ทางการเมืองของตน และพรรคพร้อมที่จะทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองอย่างมีความรับผิดชอบ และสร้างสรรค์เพื่อให้เจตนารมณ์ของประชาชนได้รับการเคารพและปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไข


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่