นายเทอดธนัท สีเขียว คนรุ่นใหม่พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า นับจากการรัฐประหารยึดอำนาจไปจากประชาชน ก็ได้สร้างกฎกติกาต่างๆ ให้ผิดเพี้ยนไปจากครรลองประชาธิปไตย กับรัฐธรรมนูญที่ถูกสังคมวิจารณ์ว่าสร้างความมึนงงฉงนใจด้วยกฎกติกาการเลือกตั้งที่พิสดารซับซ้อนซ่อนเงื่อนแฝงปมและบทเฉพาะกาลที่ยกเว้นให้กลุ่มคนที่อยู่ในช่วงยึดอำนาจสามารถกลับมามีอำนาจต่อได้หลังจากเลือกตั้ง รวมทั้งรายชื่อ ส.ว. ที่ประกาศออกมาก็เต็มไปด้วยเครือญาติ พี่น้องผองเพื่อนของกลุ่มยึดอำนาจ กระบวนการเหล่านี้ถือว่าเป็นการฟอกตัวเพื่ออำพรางเข้ามาเป็นประชาธิปไตยหรือไม่
นายเทอดธนัทกล่าวอีกว่ส่วน กกต. ซึ่งจะต้องมีหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม เรียบร้อย ชัดเจน แม่นยำ โปร่งใสตรวจสอบได้ ก็ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมจึงเปิดเผยข้อมูลเพียงบางส่วน ที่เหลือประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้ ทั้งยังใช้สูตรคิด ส.ส. บัญชีรายชื่อที่ค้านกับหลักคิดของคนส่วนใหญ่ เหตุการณ์เช่นนี้ กกต. ถูกใช้เป็นองค์ประกอบของกระบวนการ ”ประชาธิปไตยอำพราง“ ใช่หรือไม่
นายเทอดธนัทกล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับประชาชนนั้นได้ทำตามสิทธิอย่างสมบูรณ์แล้ว เพื่อหวังจะได้รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จะได้หลุดพ้นจากปัญหาความยากจนด้วยนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกเองเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากกระบวนการอำพรางตัว ที่ต้องการแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาลที่สวนทางกับความต้องการของประชาชน ซึ่งเป็นการแย่งชิงอำนาจของประชาชนโดยพรรคการเมืองที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจใช่หรือไม่ หากใช่การกระทำที่ฝืนธรรมชาติ ขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้ เพราะต้องการต่อท่ออำนาจให้ใครบางคนบางกลุ่มใช่หรือไม่
ด้านนายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงกรณี รายชื่อสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. จากการสรรหาของ คสช.ด้วยงบประมาณ 1300 ล้านบาทว่า ตนคิดว่า หลังจากเห็นรายชื่อ สว.ทั้ง 250 คน ก็ไม่รู้สึกแปลกใจ ไม่ต่างจากที่คาดการณ์ไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่รัฐบาลนี้ ใช้เป็นเหตุผลเข้าสู่อำนาจ รัฐบาลนี้ล้วนทำทุกอย่างที่ได้เคยด่ารัฐบาลเก่าไว้ แต่หนักยิ่งกว่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถเอาผิด หรือตรวจสอบได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกชื่นชมกระบวนการวางแผนสืบทอดอำนาจ ในการยึดอำนาจครั้งนี้ ทำได้ดีไม่เสียของจริงๆ หากสามารถบริหารบ้านเมืองได้ดี เหมือนวางแผนสืบทอดอำนาจ ประเทศเราคงมีความเจริญ ประชาชนไม่เดือดร้อน ดังเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้ง พรบ.ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่วางแผนควบคุมประเทศในระยะยาว และ การสอดไส้คำถามประชามติ เรื่อง ที่ สว.ชุดแรกนี้ ที่มาจากการสรรหาของ คสช. สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ในวาระ 5 ปี ล้วนเป็นกลอุบายอันแยบยลในการสืบทอดอำนาจแบบเนียนจริง ๆ ตนขอนับถือ
นายรยุศด์ ยังกล่าวอีกว่า วันนี้สังคมไทยได้เรียนรู้ และเข้าใจชุดความคิดอย่างหนึ่ง คือ การมี ส.ว.แต่งตั้ง ที่มีอำนาจเท่ากับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งในการเลือกนายกรัฐมนตรีได้ วุฒิสภาชุดนี้นอกจากจะถูกขนานนามว่าเป็น “สภาเพื่อนพ้องน้องพี่” แล้ว ส.ว. ชุดนี้ยังได้สะท้อนให้เห็นถึง “วัฒนธรรมเล่นพรรคเล่นพวก” ที่ยังยึดโยงเป็นสายใยแห่งการเมืองไทยไม่รู้จบ มิหนำซ้ำยังเป็น “ผู้กำหนดชะตานายกรัฐมนตรี” และกำหนดชะตากรรมการเมืองของประทศในห้วงเวลานี้ก็คงจะไม่ผิด ตนจึงหวังว่าท่านทั้งหลายที่ได้รับแต่งตั้งเป็น ส.ว.ทั้ง 250 คนในครั้งนี้ จะทำหน้าที่ให้สมเกียรติ เป็น “สภาสูง” ที่สร้างบรรทัดฐานและวัฒนธรรมทางการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้น เพราะประชาชนทั้งประเทศกำลังจับตาดูพวกท่านอยู่ อย่าให้ใครสบประมาทได้ว่าท่านเข้ามาเพื่อเป็นเป็นหนึ่งในกลไกหรือกระบวนการในการสืบทอดอำนาจ