เมื่อวันที่ 21 พ.ค. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก เรื่อง
ถึงเวลาที่พลเอกประยุทธ์ต้องเสียสละ ระบุว่า
อย่าโทษพรรคการเมืองขนาดกลางที่ไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะเข้ากับพลังประชารัฐในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพราะปัจจัยหลักไม่ได้อยู่ที่การต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี แต่อยู่ที่มีพลเอกประยุทธ์กับสองพลเอกมาดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองต่างหาก
ทั้งสามท่านคือหัวหน้าและรองหัวหน้า คสช.ที่เข้ามายึดอำนาจในจังหวะที่บ้านเมืองมีความวุ่นวายและช่วยให้บ้านเมืองเกิดความสงบและขอเวลาอีกไม่นานในการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ซึ่งใช้เวลาไป 5 ปีเพื่อสร้างกฎกติกาต่างๆให้การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองเป็นไปด้วยดี
หากท่านเชื่อว่า การออกแบบกลไกต่างๆดีพอ มีการเลือกตั้งที่ประชาชนเลือกคนดี ไม่หลับหูหลับตาเลือกพรรค ทุกเสียงไม่ตกน้ำ มีวุฒิสภาที่ประกอบด้วยผู้คุณวุฒิที่หลากหลาย มีผู้นำกองทัพเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยตำแหน่ง เท่านี้น่าจะเพียงพอในการตรวจสอบถ่วงดุลกับสภาที่มาจากการเลือกตั้งได้
วรรค 4 มาตรา 264 ในบทเฉพาะกาล รัฐธรรมนูญที่ร่างมากับมือคนของท่านเอง ก็ให้โอกาสรัฐมนตรีที่ประสงค์จะลงสมัครผู้แทน ลาออกภายใน 90 วันหลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ก็ถือเป็นการให้โอกาสรัฐมนตรีที่อยากเล่นการเมือง และเป็นการสร้างความเป็นธรรมต่อฝ่ายต่างๆในการแข่งขันที่จะไม่ใช้ตำแหน่งในรัฐบาลเพื่อสร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้ง
แต่ท่านกลับไม่เล่นภายใต้กติกานี้
วันนี้ พรรคที่จะเข้าร่วมกับท่านจึงลังเลว่านี่คือ การไปช่วยเสริมสร้างความไม่ถูกต้องชอบธรรมให้ยังคงมีอำนาจทางการเมืองหรือไม่ มิใช่ตกลงตำแหน่งไม่ได้ แต่ขัดกับสิ่งที่เขารู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่ความถูกต้องที่บ้านเมืองควรเดินต่อไป
การเสียสละ ไม่รับตำแหน่งของพลเอกประยุทธ์และสองพลเอก จึงเป็นทางออกของบ้านเมือง เพราะเงื่อนไขที่สังคมจับจ้องคือ การอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของชายชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หากพลเอกประยุทธ์ ยังมีแรง มาเป็น รมต.กลาโหม ตำแหน่งเดียว ก็ดูดีครับ เมื่อนั้น สังคมจะสรรเสริญว่าท่านปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ไม่ติดยึดกับตำแหน่ง ขึ้นได้ลงได้ และ พรรคต่างๆก็สามารถร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐได้โดยสนิทใจ