นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์การเมือง ณ ปัจจุบันว่า การเมืองไทยทุกวันนี้ พลิกหลักการทุกขั้นทุกตอน ทั้งหลักการทางคณิตศาสตร์ ตรรกกะแห่งนิติรัฐ นิติธรรม ตลอดจนหลักแห่งความเท่าเทียมและความเสมอภาค ผลลัพธ์ที่ออกมาทุกอย่างช่างย้อนแย้งกับสิ่งที่ควรจะเป็น หรือสิ่งที่จะต้องเป็นตามหลักการประชาธิปไตย ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถเห็นความผิดปกตินี้ได้ เริ่มต้นจากรัฐธรรมนูญที่วางกับดัก ทำให้เกิดความลักลั่น เกิดการตีความกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน รวมถึงการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือกำจัดเสี้ยนหนามทางการเมือง ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงกระแสข่าวการใช้เงิน ใช้ตำแหน่ง และใช้ผลประโยชน์ทางการเมือง ซื้อตัว ส.ส.งูเห่า คนละหลายสิบล้าน ซึ่งตนคิดว่าการยอมใช้เงินมากมายขนาดนี้จะหวังเอาคืนมากขนาดไหน
นายรยุศด์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่น่าแปลกที่สุด และน่าจะแปลกที่สุดในโลกด้วยซ้ำ คือ การเมืองไทยตอนนี้กำลังเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า “พรรคชนะเลือกตั้งอันดับ 1 ยอมทุกอย่าง” คงไม่มีที่ไหนในโลกที่พรรคได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งชนะเลือกตั้งซึ่งควรจะเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่กลับประกาศไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยอมยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนี้ให้พรรคอื่นๆ แทน หรือ ตำแหน่งใด ๆ ก็ตามที่อยากได้ โดยเฉพาะพรรค ภท. และ ปชป. ที่เป็นพรรคตัวแปรสำคัญ เพียงเพื่อจะรวมเสียงให้ชนะ หยุดการสืบทอดอำนาจให้ได้ ดังนั้นตนจึงอยากตั้งคำถามไปถึงสมาชิกพรรค ภท. และ พรรค ปชป. ว่า ณ วันนี้ ต้นทุนที่สำคัญทางการเมืองและของนักการเมืองทุกคน คือ ความชอบธรรมไม่ใช่ผลประโยชน์ใช่หรือไม่ และตนคงไม่ต้องอธิบายว่าอะไรคือความชอบธรรม พวกท่านคงรู้ดีเพราะต่างก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่แล้ว การที่หัวหน้าพรรคของท่านเคยประกาศจุดยืนไว้ก่อนเลือกตั้ง ว่าจะไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ และไม่สนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ท่านจะยังคงรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชนหรือไม่ เพราะแค่เพียงวันเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร เราก็ได้เริ่มเห็นถึงการผิดคำพูดของท่านแล้ว และยิ่งวันเลือกนายกรัฐมนตรียิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าท่านจะยืนอยู่ข้างพรรคที่มี พลเอกประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่
นายรยุศด์ ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนยังอยากฝากไปถึงพวก ส.ส. ที่เป็นงูเห่าทั้งหลาย ที่ยอมขายเสียงตัวเอง ยอมทรยศหักหลังประชาชน พวกท่านจะมีจุดจบทางการเมืองที่ไม่สวยอย่างแน่นอน และครั้งนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตการเมืองของพวกท่านด้วย และ ตนขอเตือนว่าถ้าหากรัฐบาลใดก็ตามที่เริ่มต้นจากการแลกตำแหน่ง ด้วยการซื้อเสียง ส.ส. งูเห่า คงจะหาความชอบธรรมไม่ได้ จะทำให้เกิดวิกฤตศรัทธามากยิ่งกว่าที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงที่ผ่านมาก็เป็นได้ ส่วนกระแสข่าวที่ว่า มี ส.ส.ในพรรคเพื่อชาติเป็นงูเห่านั้น ตนได้รับการยืนยันจากทั้งหัวหน้าพรรค และ ส.ส.ทุกคนว่าไม่มี และไม่เป็นความจริง โดย ส.ส. ของพรรคทุกคน ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ร่วมกันไม่เป็นงูเห่าอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามี ส.ส.พรรคเพื่อชาติคนใดเป็นงูเห่า ตนจะขอยุติบทบาทในพรรคเพื่อชาติ และลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคทันที เพราะรู้สึกละอายและรับไม่ได้กับการกระทำเช่นนี้เพราะอย่าลืมว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อทุกคนล้วนเป็นสมบัติของพรรค และเป็นสมบัติของประชาชาชนทั้งประเทศ โดย ส.ส.ทั้ง 5 คน ที่ได้รับเลือกเข้ามาของพรรคเพื่อชาตินั้นเป็นคะแนนเสียงจากประชาชนที่เลือกผู้สมัครทั้ง 350 เขตของพรรค ประชาชนชื่นชอบศรัทธาในนโยบายและอุดมการณ์ของพรรค ไม่ใช่เพราะตัวของพวกท่าน หากท่านยอมขายตัวเพื่อแลกกับผลประโยชน์ใดๆ อีกหน่อยพวกท่านก็คงจะขายชาติได้เช่นกัน ซึ่งตนจะไม่ยอม และไม่ขอร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองกับคนประเภทนี้เป็นอันขาด