ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะแกนนำพรรค ชทพ. ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการเข้าร่วมรัฐบาล ภายหลังพรรคพลังประชารัฐทาบทามพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มภูมิใจไทยอย่างเป็นทางการ ว่าการเลือกประธานสภา และการเลือกนายกเป็นคนละเรื่องกัน
เมื่อถามว่าในทางการเมืองแล้วเมื่อมีมติโหวตเลือกประธานสภากับพรรคพลังประชารัฐย่อมหมายความว่าจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลด้วย นายวราวุธกล่าวว่า ในสถานการณ์การเมืองปกติก็น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่วันนี้การเมืองมีอะไรหลายอย่างแปลกไป สถานการณ์ไม่เหมือนในอดีตที่ตนโตมาที่ประธานสภาไม่ได้มาจากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล สิ่งที่ได้เห็นวันนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อน เช่น เลือกรองประธานสภาแล้วชนะกันแค่ 2 เสียง ซึ่งต้องยกเครดิตให้กับนายชัย ชิดชอบ เพราะไม่งั้นสภาคงไม่จบได้ง่าย และเชื่อว่าคงเป็นประธานสภารักษาการนานที่สุดคือ 2 วัน ปกติเพียงครึ่งชั่วโมงก็จบได้ ซึ่งต้องขอคารวะจากใจจริง ถ้าเป็นนักฟุตบอลก็ต้องยกให้เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ สามารถประสานงานให้สภาดำเนินไปได้จนเลือกประธานสภา และรองประธานสภาได้สำเร็จ
เมื่อถามว่ามีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการถึงการจัดตั้งรัฐบาลแล้วหรือยัง นายวราวุธกล่าวว่า “เราได้ยื่นคำเสนอไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนคำสนองนั้น มาจนถึงวันนี้เรายังไม่ได้รับคำสนองกลับมา ต้องดูเหตุการณ์กันต่อไปว่าสิ่งที่เราเสนอไปนั้นจะได้รับการตอบรับอย่างไร มากน้อยเพียงใด ชทพ.เป็นพรรคขนาดเล็ก มีแค่ 10 ที่นั่งเท่านั้น เสียงไม่ได้ดังมากมาย เรียกว่าเราเจียมเนื้อเจียมตัว หากเข้าไปทำงานแล้วไม่ได้เกิดประโยชน์ในการขับเคลื่อนให้กับประเทศชาติได้เราก็ไม่มีความเดือดร้อนที่จะเป็นรัฐบาล ซึ่งผมเคยพูดตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง เราเป็นมาทุกสถานะแล้ว ทั้งแกนนำรัฐบาล แกนนำฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน เราเป็นมาหมดแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เรายังไม่เคยเป็นคือฝ่ายกลาง เหมือนที่นายนิกร จำนง ผอ.พรรคได้กล่าวไปแล้ว”
เมื่อถามย้ำว่าฝ่ายกลางนั้นเปรียบเสมือนฝ่ายค้านอิสระใช่หรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า “อารมณ์ประมาณนั้น เพราะถ้าทำงานแล้วไม่เกิดประโยชน์เราก็ไม่เดือดร้อน”