นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลล่ม จนพรรคพลังประชารัฐขู่ยุบสภาว่า ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เป็นอีกครั้งที่ชี้ให้ประชาชนเห็นชัดๆ ว่าบ้านเมืองที่มีปัญหา หรือความพยายามสืบทอดอำนาจสร้างปัญหา ก่อนหน้านี้ตกลงผลประโยชน์กันไม่ลงตัว พยายามจะเลื่อนเลือกตั้งประธานสภาฯ เจรจาแบ่งโควตารัฐมนตรีกันไม่ลงตัว พาลจะไปยุบสภา ทั้งที่เพิ่งผ่านการเลือกตั้งมาแค่ 2 เดือน ใช้งบประมาณการเลือกตั้งไปเกือบ 6 พันล้านบาท ประชาชนตัดสินใจได้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน ใครคือตัวปัญหา ผ่านการประชุมสภามาไม่กี่ครั้ง ประชาชนเห็นชัดถึงคุณภาพของนักการเมือง พรรคการเมือง
ทั้งนี้ หากปล่อยให้ ส.ส. ได้ทำงาน ยิ่งจะได้เห็นคุณภาพของคนที่พี่น้องประชาชนเลือกมาว่าเป็นอย่างไร ประชาชนอยากเห็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นยืนในสภาแล้วขานชื่อโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ประกาศชัดว่าไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ เพราะทำให้เกิดความขัดแย้ง อยากเห็นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่พูดถึงประชาธิปไตยวิปริต 250 ส.ว.โหวตนายกฯ จะกลับลำมาหนุนพล.อ.ประยุทธ์อย่างไร เทคโนโลยีทำให้นักการเมืองกลืนน้ำลายตัวเองยากขึ้น เพราะใครพูดอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ประชาชนสามารถสืบค้นมายืนยันหักล้างได้ทั้งหมด
“มองว่าการเจรจาตั้งรัฐบาลรอบนี้ไม่ง่าย ตราบที่ยังเป็นการเมืองระบบโควตาอัตราส่วน ที่ยึดผลประโยชน์ของตัวเองมาต่อรอง แล้วละทิ้งผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน เป็นสถานการณ์ที่ฝ่ายสืบทอดอำนาจต้องเรียนรู้กันเอง พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะได้ทราบว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีเสียงปริ่มน้ำกับเครือข่ายพรรคการเมืองที่แสวงหาผลประโยชน์ไม่หยุดหย่อนเป็นปัญหาอย่างไร ฝ่ายการเมืองที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ก็จะได้เรียนรู้ว่าการสนับสนุนทหารสืบทอดอำนาจ ในยุคที่ประชาชนตื่นรู้ ไม่ง่ายเช่นกัน และเมื่อเดินเข้าไปร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ สภาพอาจไม่ต่างจากพลทหาร ที่คอยรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาและปฏิบัติตามในข้อสั่งการอย่างเคร่งครัด”นายอนุสรณ์ ระบุ