คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
#นายกจากประชาธิปไตยต้องไม่กลัวการอภิปราย
อาการกลัวเป็นเอามาก ตั้งแต่ออกมาประกาศว่าฝ่ายค้านไม่ควรอภิปรายคุณสมบัตินายก ไปจนถึง ฟอร์มทีม องครักษ์พิทักษ์นายกฯ ไว้ถึง 60 คน คำถามก็คือ ถ้าไม่ด่างพร้อย จะกลัวอะไรกันหนักหนา ?
วันก่อน ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องวินิจฉัย คุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ว่าสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ปมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่
ตลกร้ายสำหรับคนไทย ที่มีนายกฯที่ไม่สามารถบอกสถานะตัวเองได้ เวลาได้ประโยชน์ก็บอกว่า ตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
เวลาเสียประโยชน์ ก็บอกว่า ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างเรื่องเหมืองทองอัครา
ที่บอกว่าดิ้นกันใหญ่ ก็เพราะมีองครักษ์พิทักษ์นายกบางคนบอกว่า เมื่อศาลมีมติรับวินิจฉัยในเรื่องนี้แล้ว 7 พรรคฝ่ายค้านก็ไม่ควรถือเอาประเด็นนี้ เป็นเรื่องถกเถียงในวันแถลงนโยบายรัฐบาล
ดิฉันขอยืนยันว่าฝ่ายค้านอภิปรายคุณสมบัตินายกฯ และรมต. ได้ และจะอภิปรายด้วย องค์รักษ์พิทักษ์นายกฯ
ทั้งหลาย เตรียมตัวได้เลยค่ะ
ทำไมคุณสมบัตินายกฯและรัฐมนตรีจึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านโยบายที่จะแถลงต่อสภา
เพราะวันนี้ประชาชนทั้งประเทศเปรียบเหมือนผู้โดยสาร นั่งอยู่บนรถบัสคันหนึ่ง สิ่งที่เราคาดหวังก็คือ คนขับรถให้กับเราต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย มีความสามารถเพียงพอ ที่จะนำพาประชาชนหรือผู้โดยสารทั้งคันรถไปสู่เป้าหมายได้โดยสวัสดิภาพ และอยู่รอดปลอดภัย
ในแง่นี้ คุณสมบัติของคนขับรถจึงสำคัญ!! เพราะความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารทั้งคันรถ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและคุณภาพของคนขับรถ
ไม่ใช่อยู่ๆ ก็เอาปืนมาขู่คนขับที่มาตามกฎหมายให้ลงจากรถ และไปเอาคนขับซาเล้ง ที่ไม่มีใบอนุญาตขึ้นมาขับรถบัสแทน
และถ้านายกรัฐมนตรี รวมถึงคณะรัฐมนตรีใหม่ทั้งคณะ ไม่มีคุณสมบัติด่างพร้อย และมีคุณสมบัติไม่ขัดต่อกฏหมาย ไม่ต้องกลัวการอภิปราย และไม่จำเป็นต้องมี องครักษ์พิทักษ์นายกฯใดใด
แต่บางคนอาจจะชินกับการ ทำเรื่อง
ผิดกฏหมาย ให้ถูกกฎหมาย ด้วยการตีความกฎหมายแบบศรีธนนชัย
ดิฉันอยากเห็นชายชาติทหารยืนตอบคำถามของ 7 พรรคฝ่ายค้านอย่างองอาจด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอคอยการช่วยเหลือจากบรรดาลิ่วล้อ องครักษ์พิทักษ์นายกฯ ที่ตระเตรียมไว้หลายสิบคน เพราะถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดกฏหมาย ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!!