เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พรรคอนาคตใหม่จัดประชุมเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการประชุมรัฐสภา ซึ่งจะมีการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีก่อนเริ่มทำหน้าที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า จากการร่วมประชุมกับวิปฝ่ายค้าน ในการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลได้มีการแบ่งเวลาตามสัดส่วนโควต้า ซึ่งพรรคฝ่ายค้านได้มาทั้งหมด 13 ชั่วโมงครึ่ง พรรคอนาคตใหม่จะได้เวลา 266 นาที หรือ4ชั่วโมงกับ26นาที โดยเตรียมผู้ที่อภิปรายไว้ 18 คน อาทิ ตนเองเตรียมอภิปรายเรื่องประชาธิปไตย การต่อต้านรัฐประหาร รวมถึงสิทธิมนุษยชน คุณศิริกัญญา ตันสกุล อภิปรายเกี่ยวกับเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ, คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อภิปรายเรื่องเกษตร การประกันรายได้ของเกษตรกรและปัญหาที่ดินทำกิน, พล.ท.พงศกร รอดชมภู อภิปรายเรื่องกองทัพ ความมั่นคง และ 3 จังหวัดชายแดนใต้, คุณวรรณิภา ไม้สน ซึ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อสัดส่วนแรงงานและเป็นตัวแทนของแรงงานตัวจริงนั้น จะอภิปรายเรื่องแรงงานและสวัสดิการต่างๆ, คุณปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล อภิปรายนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล นอกจากนี้ ยังเตรียมการอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายสิ่งแวดล้อม นโยบายพลังงาน เรียกได้ว่าครบทุกประเด็น ทุกมิติ
“สำหรับคำแถลงของคณะรัฐมนตรี จากเอกสารที่เราได้รับมา พอสรุปได้ว่าเป็นนโยบายที่นำเสนอแต่เรื่องที่ดีแต่กว้างมากๆ ไม่ลงรายละเอียด และเป็นนโยบายที่มีส่วนที่มาจากการผสมของกลุ่มก๊วนพรรคการเมืองต่างๆ อย่างไรก็ตาม ก็ยังพอมีนโยบายที่เห็นว่าเป็นเรื่องดี อาทิ การต้านทุนผูกขาด สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว ฯลฯ แต่สุดท้ายแล้วในขั้นตอนการปฏิบัติจริงจะสามารถนำไปทำได้หรือไม่ ทั้งนี้ ในการอภิปราย เราจะเน้นไปที่เนื้อหามากกว่าตัวบุคคล แต่อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ในกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 5 ปีที่ผ่านมาทำอะไรไว้บ้าง วันนี้จะเปลี่ยนมาใส่สูทเข้าสภาจึงปฏิเสธไม่ได้เลยที่จะไม่ถูกพูดถึง นอกจากนี้ ในคำแถลงดังกล่าว นโยบายชุดนี้ไม่มีการพูดถึงเรื่องเม็ดเงิน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย ทั้งที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ได้กำหนดไว้ แต่ ครม.ชุดนี้ซึ่งเป็นชุดแรกภายใต้รัฐธรรมนูญดังกล่าว กลับไม่แจกแจงตัวเลขเอาไว้อย่างละเอียด ซึ่งในส่วนนี้ คุณศิริกัญญาก็เตรียมจะชี้แจงให้ดูว่า นโยบายที่ดีนั้นต้องทำอย่างไร เขียนอย่างไร” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวว่า เรื่องประชาธิปไตย เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่มีการเขียนไว้ในคำแถลงของคณะรัฐมนตรี จากเอกสารที่เราได้รับมา แม้จะระบุว่าเป็นนโยบายเร่งด่วน แต่ก็พบว่าเรื่องนี้มีเขียนอยู่เพียง 2 บรรทัดกว่า และเขียนไว้แบบไม่ผูกมัดตัวเองเท่าไหร่ ระบุเพียงกว้างๆ ว่าสนับสนุนให้มีการศึกษา ไม่ระบุชัดเลยว่าการแก้รัฐธรรมนูญนั้นมีความจำเป็นอย่างไร ควรต้องผลักดันให้เข้มข้นกว่านี้ สำหรับการแก้รัฐธรรมนูญของพรรคอนาคตใหม่ที่ได้มีการเผยแพร่ร่างแก้ไขไปแล้วนั้น พรรคอนาคตใหม่เชื่อว่า สิ่งที่เตรียมผลักดัน สุดท้ายคือแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ แต่ในช่วงเร่งด่วน ที่ทำได้เลย นั่นคือการแก้ในเรื่องวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาล 5 ปีแรก ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และยกเลิกมาตราสุดท้าย เรื่องการรับรองให้บรรดาประกาศคำสั่ง คสช.และคำสั่งหัวหน้า คสช. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งขณะนี้พรรคอนาคตใหม่มี ส.ส. 81 คน ต้องการชวนเพื่อนสมาชิกร่วมลงชื่อสนับสนุนให้ได้เกิน 100 คน เพื่อเสนอร่างแก้ไขนี้ สุดท้ายแม้จะไม่สำเร็จในการแก้ไข แต่ก็ทำให้ประชาชนได้รู้ว่าเราอภิปรายเรื่องนี้กันอย่างไร สมาชิกรัฐสภาคนใดสนับสนุนให้มีการแก้ไข คนไหนไม่สนับสนุน