ปฏิเสธไม่ได้ว่าความขัดแย้งระหว่างกลุ่มการเมือง 2 ขั้ว ยังมิได้ทุเลาเบาบาง จับสังเกตุได้ตั้งแต่วันแถลงนโยบายของรัฐบาล มาจนถึงวันนี้ ปมสงสัยเรื่องการถวายสัตย์ ถูกบดขยี้แบบรายวัน
พร้อมไปกับการตอกลิ่มเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ วางเป้าคว่ำ “บิ๊กตู่” ในทุกกระบวนท่า ฝ่ายรัฐบาลเอง ก็สวนกลับฝ่ายค้านเจ็บๆ ไปหลายดอก
ความดุเดือด ถึงขั้นประกาศ “ตัดพี่ ตัดน้อง” ก็ทำมาแล้ว โฆษกของทั้ง 2 ฝ่ายต่างทำงานหนัก ต้องเปิดหน้าชนกันรายวัน ถ้านับเป็นมวยใส่นวม ต้องบอกว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างได้เลือด
ในความฮาร์ดคอร์ ที่เป็นกระแสหลัก ปรากฏบางข่าว ซึ่งถือเป็น “ของแปลก” และ “นิมิตรหมาย” อันดี เมื่อเบือนหน้าหนีข่าวของการเมือง 2 ขั้ว ไปดูการขยับของ “พรรคภูมิใจไทย” และท่าทีที่ฝ่ายค้านมอบให้พรรคนี้ นับว่าไม่ธรรมดา
พรรคภูมิใจไทย ในฐานะพรรคขนาดกลาง ตั้งตนเป็นพรรคปฏิบัติการ ชี้วัดความสำเร็จ ที่ผลงาน ซึ่งจะเป็นใบเบิกทางสู่คะแนนนิยม เน้นทำงานหนัก พร้อมไปกับเสนอไอเดีย ในวงเล็บที่ต้องปฏิบัติได้จริง
รัฐมนตรีของพรรคสีน้ำเงิน ลงพิ้นที่ทำงาน แบบไม่มีวันหยุด แถมมีข้อได้เปรียบเรื่อง ไม่มีความขัดแย้ง สามารถประสานความร่วมมือได้ 10 ทิศ
ที่เป็นข่าวฮือฮาหน้าหนึ่ง คือ กรณีที่ “หมอหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทาบ “หมอเลี๊ยบ” นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกฯ และ รมช.กระทรวงสาธารณสุข มาร่วมงาน พัฒนาระบบบัตรทอง ก่อนเปิดตัวเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ในวันแถลงนโยบายกับ สปสช. ทั้งที่ทราบดีถึงจุดยืนของ “หมอเลี๊ยบ”
แต่เมื่อ “หมอหนู” พูดเรื่องการช่วยกันพัฒนาระบบประกันสุขภาพ มีหรือที่ “หมอเลี๊ยบ” จะปฏิเสธ และมีหรือที่แนวร่วมของฝ่าย “หมอเลี๊ยบ” จะไม่เข้าใจ ชัดเจนว่า “หมอหนู” กำลังใช้งานสร้างมิตร ที่ต้องแสดงออก พร้อมความจริงจังตั้งใจแบบทะลุ 100% เพราะ “หมอหนู” ทาบทาม “หมอเลี๊ยบ” ต่อเนื่อง จน “หมอเลี๊ยบ” ไว้ใจ มาช่วยงาน
นอกจากนั้น ล่าสุด จากการที่นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีแนวคิดให้ประชาชนจ่ายร่วมในโครงการบัตรทอง มีเสียงชื่นชมจากสมาชิกฝ่ายค้านไม่น้อย
นายตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากูล ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวขณะต้อนรับคณะรัฐมนตรี ที่ลงพื้นที่ไปแก้ปัญหาภัยแล้งที่จังหวัดสุรินทร์ และบุรีรัมย์ ซึ่งมีนายอนุทินร่วมอยู่ด้วย ระบุว่า
ตนเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็ไม่ได้ค้านไปเสียทุกเรื่อง อันไหนดีก็ต้องชม ก็ต้องขอบคุณ โดยเฉพาะท่านรองฯอนุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรงนี้ ต้องขอขอบคุณเป็นพิเศษ เรื่องที่ท่านแถลงว่า บัตรทอง 30 บาท ถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่ ไม่ต้องสมทบเงินเวลารักษา เรื่องนี้ น่าชื่นชม
และไม่เพียงแต่ “หมอหนู” ซึ่งได้รับเชียร์จากฝ่ายค้าน แต่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย ก็ได้รับแรงหนุนการทำงานจาก “คนไทยรักไทย”
นาวาตรี ดร.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ อดีตที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ในยุค ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค อดีตรองผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความคิดเห็นต่อการที่นายศักดิ์สยามสั่งยกเลิกการลงทุนสร้างเกาะกลางถนนสำหรับถนนที่สร้างใหม่ทั่วประเทศ แต่ให้ใช้แบริเออร์จากยางพาราที่รับความเร็วรถที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแทนว่า “แบบนี้สิ แก้ปัญหาแบบบูรณาการ”
และหากย้อนกลับไป ฝ่ายรัฐบาลเอง ที่เคยฮึ่มฮ่ำกับนโยบายของพรรคภูมิใจไทย เมื่อเห็นประโยชน์ของนโยบายนั้น ก็ต้องหันมาสนับสนุน ที่ชัดเจนคือนโยบายกัญชา ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเคยค้านเมื่อครั้งภูมิใจไทย หยิบขึ้นมาหาเสียง แต่เมื่อหารือ ปรับแนวทางนโยบาย เริ่มต้นจากการช่วยเหลือผู้ป่วย “บิ๊กตู่” ก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม บรรจุเป็นนโยบายรัฐบาลให้
เป็นข้อพิสูจน์ความถูกต้องของแนวคิดการทำงานการเมืองแบบฉบับของพรรคภูมิใจไทย ที่เชื่อว่าหากตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ย่อมได้รับแรงสนับสนุน มากกว่าแรงต้าน
ถึงวันนี้ ชัดเจนว่า นโยบายของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยนั้น รันฉลุย โดยเฉพาะนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ ซึ่งภายในเดือนกันยายนนี้ คลีนิคกัญชาทั้ง 19 แห่งทั่วประเทศ จะให้บริการประชนได้ เป็นทางเลือกใหม่ทางการแพทย์
ที่สุดแล้วพรรคภูมิใจไทย อาจกำลังเปลี่ยนแปลงวิถีการเมือง ด้วยการทำหน้าที่เป็นโซ่ทองคล้องใจ นำคนดี คนเก่ง ของแต่ละพรรค มาช่วยกันทำงาน ก็เป็นได้
#ringsideการเมือง