นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.จังหวัดภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และได้มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ตนได้โทรศัพท์ไปขอโทษรองผู้กำกับ สภ.กะรน แล้วในนามของพรรคพลังประชารัฐ และได้ยืนยันไปว่าพรรคพังประชารัฐไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือสนับสนุนกิจกรรมนี้ ซึ่งทางรองผู้กำกับได้เข้าใจ พร้อมกันนี้ตนได้ชี้แจงกับประชาชนในจังหวัดภูเก็ตเกี่ยวกับการดำเนินการของตนด้วย
ทั้งนี้ ตนมีความรู้สึกเหมือนกันกับคนภูเก็ตต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ เสียใจและไม่พอใจในตัว ส.ส. ที่ลงพื้นที่และไม่พอใจพรรคพลังประชารัฐด้วย โดยในส่วนของพรรคนั้น ตนพยายามชี้แจงกับประชาชนว่าไม่มีส่วนรู้เห็น แต่ในส่วน ส.ส. คงเป็นเรื่องส่วนตัวของ ส.ส.ที่ต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งการลงพื้นที่ไปของนายสิระในครั้งนี้ กระทบกับการทำงานของตน เนื่องจากไม่ได้มีการประสานงานมาที่ตนก่อนจะลงไป ซึ่งเมื่อประชาชนไม่พอใจและมีการด่าโจมตี ตนและพรรคก็โดนด่าไปด้วย
นอกจากนี้ นายนัทธี ยังบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ นอกจากจะกระทบกับพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส. แล้ว ยังกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ตอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาได้พยายามทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เพื่อไม่ให้ออกไปสู่สายตาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ดังนั้นจึงขอฝากสื่อมวลชนไปยังคนที่หวังดีกับจังหวัดภูเก็ตด้วย ว่าขอให้หวังดีในกรอบ และอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง รวมถึงควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนจะไปแสดงความคิดเห็นใดๆ
อย่างไรก็ตาม นายนัทธี ได้บอกถึงเหตุผลที่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของการก่อสร้างคอนโดที่เป็นข่าวนั้น เรื่องจากเรื่องนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการตรวจสอบ ทั้งเรื่องของเอกสารสิทธิ์ที่มีการฟ้องร้องอยู่ที่ศาล และเรื่องของการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ที่ล่าสุดผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตก็ได้มีการสั่งสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว
ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.จังหวัดชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ กราบขอโทษในสิ่งที่ทำให้สังคมเกิดความไม่สบายใจกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน จากกรณีที่ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งในฐานะประธาน ส.ส. ตนมีหน้าที่โดยตรงในการประสานงานและควบคุมการทำงานของ ส.ส. และที่ผ่านมาตนได้พูดคุยกับนายสิระแล้ว ซึ่งนายสิระเองก็ได้เข้าใจบทบาทของตน ดังนั้นจึงขอสื่อมวลชนได้เข้าใจว่าทำงานโดยบทบาทของ ส.ส. บางครั้งอาจทำโดยรีบร้อนและเป็นบุคลิกส่วนตัว แต่ก็ทำโดยความหวังดี จึงอยากให้มองที่เป้าหมาย เพราะนายสิระไม่ได้ไปทำในเรื่องทุจริตหรือผิดกฎหมาย จึงอยากขอโอกาส และในวันนี้ตนจะคุยกับนายสิระเป็นการส่วนตัว แต่ไม่ได้เป็นการตำหนิ เพราะเขาตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง และเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่จองผู้บริหารพรรคหรือผู้ใหญ่ในพรรคที่จะต้องมาจัดการ แต่เป็นหน้าที่ตนที่ต้องรับผิดชอบและไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกต่อไป ซึ่งหากเกิดขึ้นอีกแปลว่าตนทำหน้าที่บกพร่อง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกจึงให้อภัยกันได้
ส่วนกรณีการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ตำรวจไม่จำเป็นต้องมาดูแล ส.ส.เวลาลงพื้นที่ แต่กรณีของนายสิระนั้น ทราบว่ามีการโดนข่มขู่ จึงอาจจะมีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย เพราะเขาลงพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่ตนเอง ทั้งนี้ ตนได้ขอโทษไปทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว และส่วนตัวนายสิระเองก็ได้ขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วด้วย
นายสุชาติ บอกว่า หลังจากนี้ตนจะต้องมีการพูดคุยในที่ประชุมพรรคถึงเรื่องบทบาทของ ส.ส. อีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก