นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ตกต่ำอยู่ในขณะนี้ และประชาชนยังไม่กล้าลงทุนหรือใช้จ่ายอะไร มากนัก มีแต่ข้าวของแพงแต่รายได้ต่ำลง ขณะที่จะเข้าสู่ไตรมาสที่4ของปียังไม่มีสัญญาณอะไรที่จะส่อให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศจะกระเตื้องขึ้น โอกาสที่จะทำให้ประชาชนจะอยู่ดีกินดีหน้าชื่นตาบาน มีแต่ติดลบ รังแต่จะมีเรื่องให้ขบคิดว่าจะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ ประชาชนจำต้องรักนวลสงวนเงินเก็บออมเอาไว้เพราะยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เหลียวซ้ายก็เจอปัญหาหนี้สิน เหลียวขวาก็เจอนโยบายรัฐบาลที่ไม่แน่นอน จะเดินหน้าก็ไม่กล้าลงทุน
ขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ช่วงนี้ควรอยู่อย่างสงบประคองค่าใช้จ่ายให้พอตัวอย่าหลงคารมนโยบายตื้นๆที่ให้ไปเที่ยวหรือแจกเงิน เพราะเงิน พันกว่าบาท แค่ค่าน้ำมันรถไปกลับก็หมดแล้วเผลอๆกลับมาถึงบ้านอาจลมจับเพราะเป็นหนี้เพิ่มขึ้น ที่สำคัญเราไม่เห็นว่ารัฐบาลจะหาเงินจากไหน
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่าเสียดายโอกาสของประเทศไทย ตั้งแต่มีรัฐบาลมาจนถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรที่เป็นปัจจัยบวกดัชนีแทบทุกประเภทตกลงทุกตัวไม่ว่าจะเป็นดัชนีของความเชื่อมั่นที่ตกลงต่ำสุดในรอบ33เดือน ดัชนีการลงทุน ดัชนีการส่งออก ดัชนีความสุขของประชาชนลดลงทุกตัว ทั้งการดำเนินชีวิตภาวะค่าครองชีพปัญหายาเสพติด มีดัชนีเดียวที่ดีขึ้นคือดัชนีความสุขของคณะรัฐมนตรีที่ได้รับตำแหน่งเท่านั้น
ทำให้มองเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนของรัฐบาลยังฉุดความมั่นใจของพี่น้องประชาชน
นายจิรายุกล่าวอีกว่าในช่วงไตรมาสที่4สามเดือนสุดท้ายของปีนี้ โดยปรกติในภาวะที่รัฐบาลมีฝีมือในการบริหารประเทศทำงานเป็นทำงานเก่งมีวิสัยทัศน์ จะเป็นช่วงที่ประชาชนใช้เงินมากที่สุดแต่ในปีนี้จะเป็นช่วงวิบากกรรมของประชาชนมากที่สุด และตนขอฟันธงไว้เลยว่าจนถึงสิ้นปีนี้เศรษฐกิจของประเทศไทยจะโตไม่ถึง 3% อย่างแน่นอน
ดังนั้นตนจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเพราะถือว่าทำมาแล้วเกือบห้าปีครึ่ง ขืนยังแจกๆๆ อีกไม่นานก็จะต้อง กู้ๆๆ สุดท้ายคนเป็นหนี้สาธารณะก็คือประชาชนและถ้าทำผลงานได้แค่นี้ต้องเรียกรัฐบาล นี้ว่า “รัฐบาลเหล่าเหย่”