หน้าแรก news ไม่ต้องห่วง! “ไตรศุลี” ย้ำ รัฐบาลระดมมาตรการเยียวยาช่วยเหลือหลังน้ำท่วม เผยซ่อมแซมถนนให้ใช้งานภายใน7วัน

ไม่ต้องห่วง! “ไตรศุลี” ย้ำ รัฐบาลระดมมาตรการเยียวยาช่วยเหลือหลังน้ำท่วม เผยซ่อมแซมถนนให้ใช้งานภายใน7วัน

0
ไม่ต้องห่วง! “ไตรศุลี” ย้ำ รัฐบาลระดมมาตรการเยียวยาช่วยเหลือหลังน้ำท่วม เผยซ่อมแซมถนนให้ใช้งานภายใน7วัน
Sharing

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในรายการ Government Weekly ช่วง Live Talk ทางเฟซบุ๊ก “ไทยคู่ฟ้า” เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 โดยกล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยภายหลังสถานการณ์คลี่คลายและเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากขณะนี้พายุได้ผ่านพ้นไปแล้ว อาจมีฝนบางในบางพื้นที่ จากข้อมูลล่าสุดจากพื้นที่น้ำท่วม 32 จัหวัด เหลือ 10 จังหวัด โดยทางภาครัฐจะเร่งระดมมาตรการให้ความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์ท่วมคลี่คลายทางภาครัฐจะให้พี่น้องประชาชนลงทะเบียบเพื่อรับความช่วยเหลือ ทั้งครอบครัวที่มีผู้เสียชีวิต บ้านพัง เรือกสวนไร่นา หรือ สัตว์เลี้ยง ประสบน้ำท่วมเสียหายจะได้รับการเยียวยาเชื่อเหลือตามหลักเกณฑ์ โดยทุกหน่วยงานจะทำงานร่วมกันจากหลายภาคส่วน ที่จะเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนหลังน้ำลด อาทิ กระทรวงคมนาคม จะเร่งซ่อมแซมถนนให้กลับมาใช้ได้ปกติภายใน 7 วัน อาทิ ถนน สะพาน หรือ บางเส้นทางที่ถูกตัดขาดโดยน้ำท่วมสูง จนไม่อาจสัญจรไปมาได้ กระทรวงคมนาคมจะแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้รับทราบข้อมูลผ่านทางโซเซียลมิเดียของกระทรวง อาทิ เว็ปไซด์ หรือเฟสบุ๊ก เพื่อให้ประชาชนได้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว ถือเป็นแนวทางการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พร้อมกับทำงานบูรณาการกับกองทัพในการสร้างสะพานแบริ่ง หรือสะพานข้ามชั่วคราวในบางจุดที่น้ำท่วมสูง เป็นต้น

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เตรียมหามาตรการช่วยเหลือเสริมผ่านการฝึกอาชีพ หรืออาชีพเสริม อาทิ เลี้ยงสัตว์น้ำ หรือ โคกระบือ เป็นต้น รวมถึงมาตรการระยะยาวในการแก้ปัญหาน้ำท่วม หรือน้ำแล้งด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่น้ำท่วม หรือแล้งซ้ำซาก ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลวางมาตรการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น กลาง และยาว เพราะสถานการณ์ภัยพิบัติปัจจุบันเปลี่ยนแปลงรุนแรงและรวดเร็ว การเตรียมความพร้อมรับมือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ประสบปัญหาภัยแล้ง แต่ต่อมาอีก 2 – 3 สัปดาห์ถัดมาประสบปัญหาน้ำท่วม

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนต้องระมัดระวังในช่วงน้ำท่วมขัง คือ โรคที่มากับน้ำท่วม อาทิ “โรคฉี่หนู” หากมีบาดแผลควรหลีกเลี่ยงแช่น้ำเป็นเวลานานๆ เพราะเกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เสียชีวิตจากโรคฉี่หนูจำนวนมาก  ดังนั้นหากเกิดอาการปวด หัว ตัวร้อน อาเจียน อย่าเพิ่งไปซื้อยารับประทานเอง ควรไปพบแพทย์โดยด่วน อีกโรคที่่มากับน้ำท่วม คือ โรคน้ำกัดเท้า โรคตาแดง โรคทางเดินหายใจ ดังนั้นหากพี่น้องประชาชนเป็นโรคดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์ใกล้บ้านโดยด่วน

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการให้ความช่วยเหลือที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่สุด คือ การให้ “กำลังใจ” แก่พี่น้องประชาชน ในยามประสบความทุกข์ยากลำบาก จึงเป็นเหตุผลที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากากระทรวงกลาโหม เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังพี่น้องประชาชน ในช่วงวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา และล่าสุดในวันจันทร์ที่ 9 ก.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเตรียมเดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อไปให้กำลังใจพี่น้องประชาชน และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ทำงานด้วยความเสียสละ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวอีกว่า จากประสบการณ์การลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม ไปกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมตลอดทุกปี เพราะเป็นพื้นที่รับน้ำ ดังนั้น มาตรการเตือนภัยและการช่วยเหลืออพยพพี่น้องประชาชนถือเป็นมาตรการสำคัญมากๆ โดยเฉพาะการระดมกำลังเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้าย ผู้ป่วยติดเตียง เด็กสตรีหรือหญิงตั้งครรภ์ ต้องได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วนก่อน รวมถึงการเยียวยาดูแลจิตใจถือเป็นเรื่องสำคัญด้วย เพราะพี่น้องประชาชนบางคนไม่เคยประสบอุทกภัยมาก่อน บ้านพัง น้ำท่วมไร่นา จนสิ้นเนื้อประดาตัว และ ต้องสูญเสียญาติพี่้น้องไปกับน้ำท่วม ดังนั้นการให้กำลังเป็นสิ่งสำคัญ จึงมีข้อแนะนำ 3 ส. ดังนี้ 1. “สอดส่อง” คอยดูแลคนใกล้ชิดว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับหรือไม่ เพราะเป็นสัญญาของโรคเครียด 2. “ใส่ใจ” เข้าไปพูดคุยปลอบโยนหรือแม้แต่การจับมือแล้วนั่งพูดคุยรับฟังปัญหาสามารถช่วยเยียวยาทางจิตใจได้อย่างมาก และ 3. “ส่งต่อ” หากมีอาการเครียดหนักมากๆ อาจต้องส่งตัวไปกรมสุขภาพจิต หรือ ปรึกษาทางสายด่วน 1323

นอกจากนี้ สิ่งที่อยากแนะนำพี่น้องประชาชน เมื่อประสบภัยน้ำท่วม คือ อย่าหวงแต่ทรัพย์สินส่วนตัวหรือของมีค่า แต่ควรเก็บเอกสารหลักฐานส่วนตัวทางราชการด้วย เพื่อยืนยันตัวตนในการขึ้นทะเบียบรับความช่วยเหลือ และการรับข้อมูลข่าวสารต้องระวังข่าวปลอม หรือเฟคนิวส์ โดยไม่อ้างอิงแหล่งที่มาของข่าวสาร เช่น เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่ โทรศัพท์มาสอบถามว่าพายุจะกลับเข้ามาอีก จนสร้างความตื่นตระหนกในพื้นที่ แต่เมื่อตรวจสอบจากรมอุตุนิยมวิทยา ปรากฎว่าข้อความที่เผยแพร่ในเฟสบุ๊กไม่เป็นความจริง ดังนั้น ผู้ที่เผยแพร่ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใด ไม่ควรมีพฤติกรรมแบบนั้นในสถานกาณ์เช่นนี้

https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/videos/2434909180124418/

ขอบคุณเนื้อหาจาก แนวหน้า


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่