เข้าใจได้ ว่าฝนตกถล่มกรุงเทพ เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่พ้น ด้วยไทยอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตร ปริมาณฝนย่อมมากกว่าพื้นที่อื่น แต่สิ่งที่เข้าใจได้ยากคือ การหายตัวไปของผู้บริหาร กทม.คนปัจจุบัน อย่าง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตรองผู้ว่ากรุงเทพ ยุคชายหมู ที่ได้ดี ถึงขั้นควบม้าขี่หัวนายไปเป็นผู้ว่าแทน หลังจากชายหมูมีแผล ทั้งจากเรื่องผลงาน และการคอรัปชั่น จนหลายฝ่าย รวมไปถึง คสช.ต้องบ่นอุบกันอยู่หลายครั้ง นำมาซึ่งการปลดฟ้าผ่าในที่สุด
กระนั้น การขึ้นมาของ “บิ๊กวิน” ย่อมเป็นที่คาดหวังของฝ่าย คสช. และ ประชาชน ต้องทำได้ดีกว่า “ชายหมู” แต่ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ฝนตก คนกรุงล้วนส่ายหน้า อนิจจา ทำไม “เละเทะ” กว่าเดิม
หลายพื้นที่ ซึ่งชายหมู “เอาอยู่” อาทิ ถนนอุดมสุข ปรากฏว่าในยุค “บิ๊กวิน” รถใหญ่เอย เล็กเอย ล้วนจมบาดาล แถมผ่านช่วงเช้ามหาโหดไปแล้ว เข้าช่วงเที่ยงวันเดียวกัน ยังไม่เห็นท่านผู้ว่าปรากฏ และทีมงาน มาให้ข่าว สร้างความสบายใจแก่พี่น้องประชาชน
พี่น้องยังเคว้งคว้าง
ซึ่งมีแนวโน้มว่า “บิ๊กวิน” น่าจะเล่นมุขเดิม เมื่อครั้งน้ำท่วมเดือน ตุลาฯ 60 ด้วยการออกมาบอกว่า “ผมรับผิดชอบคนเดียว” แล้วก็จบไป แต่คราวนี้ อาจจะไม่จบ เพราะประชาชนรู้ทัน
ให้จับตาดูความเคลื่อนไหวของ คนชื่อ “ศรีสุวรรณ จรรยา” เพราะเคยเร่งให้บิ๊กวิน โชว์ผลงาน แต่ล่าสุด น้ำท่วม รถติดขนาดนี้ สะท้อนว่า จากฝนตกคราวแรก ยันล่าสุด ผ่านไป 2 เดือนกว่า “บิ๊กวิน” เหมือนจะตกหล่นในบางเรื่อง ย่อมไม่พ้นสายตานักตรวจสอบทั้งหลายแน่นอน
หากเปรียบเทียบกับยุคชายหมู ต้องยอมรับว่าคุณชาย หลายครั้งก็ออกมาให้ข่าว ให้ข้อมูล หลายครั้งอยู่ต่างประเทศ ก็มอบหมายให้ทีมงานมาสร้างความสบายใจแก่ประชาชน แต่ชายหมูไม่เคยตัดจบปัญหา ภาพขุดลอก เก็บขยะ ปรากฏทันที ที่น้ำท่วม เอาเข้าจริง แม้นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่เห็นผลนัก แต่ก็สะท้อนความ “พยายาม” ที่จะแก้ไข แทนที่จะตัดจบ แล้วเงียบหายไปดื้อๆ
อย่างว่า ชายหมูมาจากไหน แล้ว “บิ๊กวิน” ใครแต่งตั้ง
บ่าวล้วนเอาใจนาย ผิดบ้าง พลาดบ้าง ล้วนพยายาม
หรือนี่คือความต่างระหว่างพ่อเมืองที่มาจากการ “แต่งตั้ง” กับพ่อเมืองที่มาจากการ “เลือกตั้ง”
อย่าให้คนเขาสงสัย เพราะเกรงจะกลายเป็นไฟลามทุ่ง เนื่องจาก คสช. ก็เข้ามาด้วยวิธี “ไม่ปกติ” เหมือนกัน
newringside