เมื่อพรรคขนาดกลาง “คุมยาก” – “พรรคประชาชนปฏิรูป” จึงต้อง “เกิด”
ไม่มีเหนียมอายกันอีกต่อไป กับพรรคการเมืองที่ประกาศตัวชัดเจนแจ๋วแหววว่าเป็นพรรคเพื่อทหาร อย่างพรรคประชาชนปฎิรูป ที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ที่ในระบอบประชาธิปไตย หาใช่ความผิดแผก แต่อาจจะขัดหูขัดตาบ้าง
การเกิดขึ้นของพรรคประชาชนปฏิรูป แม้จะไม่ชัดเจนว่า จะกลายเป็นพรรคทหารแบบสมบูรณ์แบบชนิดที่มีแต่ทหารเต็มพรรค แต่การเกิดขึ้นมา บวกกับการประกาศตัวหนุนบิ๊กตู่เต็มที่ ขณะที่ฝ่ายทหารเอง ก็ไม่ปฏิเสธ ตีความได้ว่า มีการคุยกันในระดับหนึ่ง ที่อาจมีการมอบหมายให้พรรคของนายไพบูลย์เป็นกำลังสำคัญในการเกื้อหนุนพลเอกประยุทธ์สู่ตำแหน่งนายก
การเข้ามาของพรรคประชาชนปฏิรูป และนายไพบูลย์ เป็นการส่งสัญญาณว่า การเมืองไทยมีความสลับซับซ้อน อะไรที่คิดว่าหมู อาจจะไม่หมูอีกต่อไป
หากย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน ใครก็คิดว่าพรรคขนาดเล็ก ขนาดกลาง ทั้งหลายสุดท้ายต้องมาอุ้มทหารเป็นแน่แท้ แต่ด้วยเวลาผ่านไปเห็นจะไม่ง่าย เพราะ ความเคลื่อนไหวแปลกๆ จากพรรคขนาดกลางอย่างชาติไทย อย่างภูมิใจไทย หาใช่ตั้งตาอวยทหารเสียทีเดียว โดยพรรคชาติไทย ที่ผ่านมาได้ส่งเฮียตือ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล มาตั้งคำถามถึงบิ๊กตู่หลายข้อ ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ถึงขั้นที่หัวหน้าพรรค FB เจ็บแสบถึง คสช. กันมาแล้ว ทำนองว่า “ถ้าท่านดูถูกเขา เขาก็ดูถูกท่าน” ย้อนเจ็บเจ็บ ตีความไม่ยาก “ถ้าท่านดูถูกนักการเมือง นักการเมืองก็ดูถูกท่าน” นั่นแล
ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่สะท้อนว่า พรรคกลาง พรรคเล็ก หาใช่หมูในอวยอีกต่อไป
การจะคาดหวังว่าพรรคเหล่านี้ จะเฮโลตามทหารไปหมด สุดท้าย ยังยืนอยู่บนความเสี่ยง เพราะอย่าลืมว่า ส.ส.ที่สังกัดพรรคการเมืองอายุขนาด 5 ปี 10 ปี ย่อมมีหัวใจประชาธิปไตยไม่หยอก หากชาวบ้านชอบแบบไหน ย่อมต้องไปแบบนั้น พรรคหาใช่จะทำอะไร ได้อย่างไม่ลืมหูลืมตา วันหนึ่งหากทหารทำผลงานดี ก็ไม่แปลก หากจะเข้าร่วม
แต่ถ้าผลงานห่วยแตก ผู้แทน พรรคการเมือง จะเข้าร่วมคงต้องคิดหนัก เสมือนเอาชื่อมาทิ้ง ถูกตราหน้าว่ารับใช้อำนาจนอกระบบ
นี่คือความไม่แน่นอน ที่ คสช.รู้ดี ดังนั้นจึงต้องสร้างพรรคการเมืองขึ้นมา และสามารถกำกับได้อย่างใจนึก
นี่ไง “พรรคประชาชนปฎิรูป”
ริงไซด์การเมือง