ที่ทำเนียบรัฐบาล ในการประชุมร่วมกันระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณากรอบการหาข้อสรุปในการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร กลุ่ม CPH เป็นผู้ชนะการประมูล แต่ยังไม่ยอมลงนามรับการก่อสร้าง โดยให้เหตุผลเรื่องการส่งพื้นที่ไม่ครบ
นายอนุทิน เปิดเผยหลังการประชุมว่า โครงการ EEC เป็นโครงการสำคัญระดับชาติ และโครงการนี้จะเดินหน้าไปได้ เมื่อระบบการเชื่อมต่อ 3 สนามบินเสร็จเรียบร้อย ความสำเร็จของการคมนาคมข้างต้น จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน นี่คือความตั้งใจของนายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้ตนมาจัดการเรื่องนี้ และต้องหาข้อสรุปให้ได้เร็วที่สุด นำมาซึ่งการประชุมในวันนี้ ข้อสรุปคือ เรายืนยันตาม RSP หรือ TOR ไม่มีการผิดไปจากนี้เด็ดขาด ทำสัญญาอะไรกันไว้ ก็ต้องเดินตาม หากเปลี่ยนแปลงจะเกิดความเสียหาย และความน่าเชื่อถือของรัฐอย่างคาดไม่ถึง
ทั้งนี้ จะจัดให้มีการประชุมวันที่ 27 กันยายน และจะให้ผู้ชนะการประกวดราคา หรือ กลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร กลุ่ม CPH มาลงนามสัญญาการก่อสร้างในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ขอย้ำว่า ภาครัฐให้เวลาในการเจรจามาพอสมควรแล้ว จึงไม่มีเรื่องต้องหารือเพิ่มเติม วันที่ 15 ตุลาคม ต้องเซ็นสัญญากัน เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ หากรอกระทั่งถึงเดือนพฤศจิกายน การดำเนินโครงการจะครบกำหนดเวลาที่ระบุในเงื่อนไขการประกวดราคา เท่ากับภาครัฐต้องรับผิดชอบ ซึ่งเรามีมาตรการคือการขึ้นบัญชีดำฝ่ายเอกชน กลายเป็นผู้ละทิ้งงาน จะมาร่วมงานกับรัฐไม่ได้อีกแล้ว รัฐจำเป็นต้องทำ เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย ม.157 นอกจากนั้น กรณีภาคเอกชนรายที่ 2 มาดำเนินโครงการต่อในอนาคต หากพบว่ามูลค่างานของเอกชนรายที่ 2 สูงกว่ามูลค่างานเอกชนรายแรก เอกชนที่ทิ้งงานต้องรับผิดชอบส่วนต่างของมูลค่างานที่สูงขึ้น
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ณ เมื่อถึงจุดนั้น ภาครัฐต้องทำเพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศ ผู้ชนะการประกวดราคา ถ้ามีปัญหาขัดข้อง ขอให้มาหารือกัน ส่วนที่บอกว่าต้องส่งพื้นที่ให้เสร็จก่อน ต้องบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันต้องทำไป ส่งมอบไป ควบคู่กัน ทั้งนี้ ขอความกรุณาผู้ชนะการประมูลอย่าได้กังวล ว่าถ้าส่งมอบพื้นที่ล่าช้าแล้วจะเกิดความเสียหายจนถึงขั้นถูกปรับ เพราะหากเป็นความผิดของรัฐ รัฐก็พร้อมดูแล