เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 น.ส. ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้นำทรัพย์สินเข้าบลายทรัสต์ (Blind Trust) ว่า เรื่องนี้แม้ไม่ได้มีข้อกฎหมายใดบังคับว่าให้นายธนาธรต้องทำตามที่ประกาศเอาไว้ แต่หากจำกันได้นายธนาธร บอกเองว่าต้องการสร้างมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองใหม่ และเพื่อป้องกันข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจของครอบครัว เมื่อนายธนาธรได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.แล้ว ก็ควรปฏิบัติตามที่ประกาศไว้ เพราะเหนือข้อกฎหมายใด ก็คือสัญญาประชาคม ที่เหมือนเป็นข้อตกลงกับประชาชน เมื่อนายธนาธรไม่ได้ทำตามที่ประกาศไว้ อาจทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นวาทกรรมหาเสียง เรียกคะแนนนิยมในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง
“โดยนายธนาธรประกาศเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2562 ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเพียงแค่ 6 วัน ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดมาตรา 73 (5) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ที่บัญญัติว่า หลอกลวง … หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง” ซึ่งจะมีโทษตามมาตรา 159 จําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ซึ่งได้เคยมีผู้ยื่นร้องเรียนต่อ กกต. ไปแล้ว”น.ส.ทิพานัน กล่าว
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เมื่อประกอบกับเรื่องราวในอดีต ทั้งการลงประวัติของตนเองว่าเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2 สมัยติดต่อกัน ทั้งที่ความจริงเป็นเพียงประธานสภาอุตสาหกรรม จ.นครนายก หรือการให้สัมภาษณ์ข้อมูลวันโอนหุ้นที่กลับไปกลับมาจนต้องกล่าวว่านักข่าวถามคำถามผิด รวมถึงการให้สัมภาษณ์ยอดเงินกู้พรรคที่ไม่ตรงกันกับบัญชีทรัพย์สินที่แสดงจริง ยิ่งทำให้สังคมเกิดความสงสัยถึงความน่าเชื่อถือในคำพูดของนายธนาธร
ส่วนกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงว่าที่นายธนาธร ยังไม่ได้โอนทรัพย์สินเข้า ‘Blind Trust’ เพราะยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.นั้น รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เป็นการอ้างแบบศรีธนญชัย ขาดเหตุผลทางความคิดของนักกฎหมาย เพราะถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็จริง แต่สถานะของนายธนาธร ยังเป็นส.ส.อยู่ ดังนั้นจึงทำให้นายธนาธรมีหน้าที่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. จนทำให้ประชาชนทราบว่า “บลายทรัสต์” ของนายธนาธรนั้นไม่มีจริง
และล่าสุด น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ความเป็นจริงก็คือ ถ้าย้อนกลับไปดูข่าว มันคือการทำ “เอ็มโอยู (MOU)” มันยังไม่ใช่การโอนไป และเมื่อนายธนาธรถูกระงับปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จึงทำหนังสือเลื่อนการปฏิบัติตามเอ็มโอยูไปก่อน นั้น ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ถ้านายธนาธรต้องการสร้างมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองใหม่และความโปร่งใสจริงๆ ทำไมเมื่อมีการทำหนังสือแจ้งเลื่อนการปฏิบัติตามเอ็มโอยู นายธนาธรไม่แจ้งให้สังคมทราบเอง แต่กลับให้ประชาชนตรวจสอบและทราบข้อมูลเองจากบัญชีทรัพย์สินว่า “บลายทรัสต์” ของนายธนาธรนั้นไม่มีจริง ประชาชนจึงเกิดความสงสัยใน มาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองใหม่ ในมาตรฐานของนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่