นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกับ “ผู้จัดการ” ถึงการดำเนินการตามคำสั่งการนายกรัฐมนตรีที่ให้ทุกหน่วยงานรีบเข้าช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้หลังน้ำลดเร็วที่สุด ทั้งนี้ ด้านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นอกจากเร่งดำเนินการเรื่องการสำรวจพื้นที่ๆได้รับความเสียหายจากอุทกภัยเพื่อจ่ายเงินชดเชยแล้ว ยังได้เตรียมเสนอโครงการแจกเมล็ดพันธุ์พืชที่ใช้น้ำน้อยแต่ใช้เวลาเพาะปลูกไม่นานเช่น เมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยจะประกันราคาเพื่อให้เกษตรกรมั่นใจได้ว่าจะมีรายได้เลี้ยงชีพ
และที่สำคัญจะผลักดันโครงการโคขุนสร้างรายได้โดยภาครัฐจะเป็นผู้สนับสนุนเงินกู้ และเครื่องผสมอาหารตามสูตรของกรมปศุสัตว์ ซึ่งในระยะยาว หากเกษตรกรจะหันมาเลี้ยงโคเนื้อเป็นอาชีพหลักก็มีโอกาสสร้างรายได้ได้มาก เนื่องจากมีโอกาสส่งผลิตภัณฑ์เนื้อไปต่างประเทศ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ได้ผลักดันให้เกษตกรและสหกรณ์ในพื้นที่ภาคอีสานเช่น มุกดาหาร กาฬสินธุ์ นครพนม และสกลนคร มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จากการค้าเสรีโคเนื้อเพื่อเปิดตลาดสู่ต่างประเทศให้มากที่สุด
ทั้งนี้หากเกษตรเลี้ยงโคเนื้อได้รับการพัฒนาในเรื่องมาตรฐานการผลิตGMP และฮาลาล คาดว่าจะมีโอกาสส่งออกไปยังจีน และประเทศอาเซียนได้มาก เพราะไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าโคเนื้อและผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกจากไทยภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี รวมถึงออสเตรเลียที่จะมีการลดภาษีนำเข้าเหลือร้อยละ 0 และยกเลิกการจำกัดปริมาณการนำเข้าสินค้าโคเนื้อและเครื่องใน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป ตามข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย
นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าการดูแลเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ จะครอบคลุมไปถึงการดูแลเรื่องการทำมาหากินอย่างยั่งยืน ซึ่งในบางพื้นที่ๆไม่เหมาะกับการเพาะปลูก
“การมองลู่ทางในการปรับเปลี่ยนอาชีพอาจไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว เพราะรัฐบาลมีแผนการช่วยเหลือและส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในอาชีพรองรับไว้แล้ว”