อำนาจ เสมือน “เผือกร้อน” ถือไว้นาน ย่อมลวกมือเป็นธรรมดา คือสัจธรรม ที่พิสูจน์ว่าเป็นความจริงในทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะกับการเมืองไทย ใครก็ตามที่หมดช่วง “ฮันนีมูน” ล้วนเละ ไม่เป็นท่า จังหวะ จึงเป็นสิ่งสำคัญทางการเมือง
หลายคนเลือกถอย ให้ก้าวไปข้างหน้าได้ไกลขึ้น
บางคนเลือกยื้อ โดนไล่ ไม่ได้กลับมาอีกเลย
สำหรับ คสช.เอง ก็หลีกหนีความจริง ไม่พ้น บิ๊ก คสช.ทั้งหลาย เมื่อขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ ก็มิต่างจากผ้าขาว บางคนมีรอยด่างบ้าง แต่สังคมมองข้ามเป็นธรรมดา เพราะอยากให้โอกาส
แต่มาวันนี้ เข้าสู่ปีที่ 4 เต็มตัว สัจธรรมทางการเมืองเล่นงาน คสช.เต็มรัก
อย่าลืมว่า คสช.เข้ามาด้วยเจตนาที่ยากทราบได้ แต่ฝากรอยแค้นไว้ให้คนหลายก็หลายกลุ่ม
หากเป็นทองชุบ ถูกแซะ ถูกแกะ เปลือกทอง ย่อมหลุดลอกเป็นธรรมดา หากทองแท้เล่า ย่อมทนไฟ
และ ต่อไปนี้ คือเรื่องราวของ “คนเคยดี” ยุค คสช. ที่สังคมตั้งข้อสงสัย ว่า “ฤา จะเป็นทองเก๊”
เริ่มจาก “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงศ์วงสุวรรณ พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคร กุมบังเหียนรองนายกฝ่ายความมั่นคง ทหารทุกหมู่เหล่า รวมตำรวจทุกกอง ล้วนอยู่ในเงื้อมมือพี่ป้อม อดีตกาล ไร้ราคี ได้ชื่อว่าเป็นขุนศึกใจซื่อมือสะอาดคนหนึ่ง ทั้งนี้ ในทางการเมืองนับว่าเด็ดขาด ได้ฉายาว่า “ป้อมทะลุเป้า” จากเหตุการณ์สลายคนเสื้อแดง
ทั้งนี้ ไม่เคยถูกสอบเรื่องทุจริต
คลีนไม่หยอก
อย่างไรก็ตาม หลังรัฐประหารล่าสุด พี่ป้อม ถูกโจมตีเรื่องทัวร์ฮาวาย และการแต่งตั้ง ปฏิคม วงษ์สุวรรณ ลูกพี่ลูกน้องพลเอกประวิตร เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ หนึ่งในกรมที่เหมือนจะธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา
ทั้งนี้ บิ๊กป้อมสามารถเอาตัวรอดมาอย่างชิวๆ
กระทั่งเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสในชีวิต ชนิดที่เรื่องถึง ปปช. คือกรณี นาฬิกาหรู 21 เรือน
การยกมือขึ้นบังแดดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระหว่างรอถ่ายรูปกับคณะรัฐมนตรีใหม่ “ประยุทธ์ 5” เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามว่าเหตุใด นาฬิกาเรือนโตยี่ห้อ Richard Mille จึงไม่ปรากฏอยู่ในประเภท “ทรัพย์สินอื่น” ที่มีราคามากกว่าสองแสนบาท ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช ของ พล.อ.ประวิตร เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อ ปี 2557
บิ๊กป้อมเอาตัวรอด ด้วยการอธิบาย
“เพื่อนให้ยืมมาใส่ และเพื่อนคนนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว”
แน่นอน ไม่สามารถขุดร่างไร้ลมหายใจมาอธิบายได้
และ แน่นอน ว่าสังคมยังสงสัยในตัวบิ๊กป้อม จวบจนปัจจุบัน
ไม่ใช่แต่เพียง “บิ๊กป้อม” ที่ถูกแซะ “ทองกระเด็น” เพราะ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จอมสงบเงียบ ก็ถูกตั้งข้อสงสัย ในพฤติกรรมหลังเข้ามาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย
เบอร์ 1 บิ๊กคลองหลอด มีประเด็นเรื่องการเซ็นอนุมัติให้บริษัททายาทกระทิงแดง เข้าใช้ที่ดินป่าชุมชนบ้านโคกห้วยเม็ก จังหวัดขอนแก่น เพื่อขยายเขตโรงงาน ทำเป็นที่เก็บน้ำ สำหรับโรงงานน้ำและเครื่องดื่ม แม้จะมีการยกเลิกไปแล้ว
แต่ฝ่ายการเมือง เล่นเรื่องนี้ ไม่เลิกแน่นอน โดยเฉพาะ เมื่อบิ๊กป๊อกเคยปัด ให้เป็นความรับผิดชอบของข้าราชการมหาดไทย ก็ยิ่งสร้างรอยแค้น ให้ข้าราชการหัวใจสิงห์ทั้งหลาย
สำหรับบิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ชื่อว่า “คลีน” แบบสุดๆ ก่อนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่กลับมีคราบทันทีหลังแจ้งทรัพย์สินกับ ปปช.
โดยเฉพาะ ข้อมูลในเรื่องของการขายที่ดิน 9 โฉนด ริมถนนบางบอน 3 เขตบางบอน กทม. ให้กับบริษัทในเครือข่ายของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี นักธุรกิจชื่อดัง มูลค่า 600 ล้านบาท ที่จะชี้ให้เห็นถึงการเอื้อประโยชน์ต่อกัน
รอยด่างทั้งหลายที่ปรากฏ อาจเป็นเพียงพลังแซะของเด็ก 5 ขวบ มีหรือจะทำให้ทองแท้ลอกได้
แต่ถ้าหากเป็นทองเก๊เล่า พลังแซะเบาๆ ก็อาจจะทำให้เราเห็น “เนื้อใจ” ได้ไม่ยาก
ไม่นับรวมปัญหา “ราชภักดิ์” เรือดำน้ำ ซึ่งต้องรับผิดชอบกันทั้งโขยง
วีรกรรม ที่กล่าวเพิ่งปรากฏ มาในรอบ 4 ปีเท่านั้น
หากอยากจะอยู่ต่อ ต้องชั่งใจ เพราะต้องโดนขุดคุ้ย ผสานกับคำครหา เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ ได้ประโยชน์ก็อยากอยู่ต่อสืบทอดอำนาจ
เจตนาที่ดีทั้งหลาย จะหายวับไปกับตา
การเมืองเป็นเรื่องของจังหวะ
ช้าช้า ได้พร้าเล่มงาม
อย่าให้ใครเขาว่า
“ยิ่งอยู่ ยิ่งเสื่อม”
Ringsideการเมือง