นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวในงาน JIJI TOP SEMINAR ครั้งที่ 190 ซึ่งจัดโดยสำนักข่าว Jiji Press โดยมีภาคธุรกิจและการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งให้ความสนใจในสถานการณ์การเมือง และเศรษฐกิจของไทย ว่า ตนได้คาดการณ์มาก่อนหน้านี้ในหลายเวที ว่า การเลือกตั้งมีแนวโน้มถูกเลื่อนออกไป แต่จะเกิดขึ้นไม่เกิน 18 เดือนนับจากนี้ ซึ่งน่าจะอยู่ประมาณกลางปี 2562 เพราะไม่มีเหตุผลอันใด ที่การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นช้าไปกว่านี้ ตราบใดที่ประเทศไทยยังแสดงจุดยืนอยู่ในระบอบประชาธิปไตย การเลือกตั้งจึงเป็นคำตอบที่สำคัญต่อสถานการณ์บ้านเมือง ดังนั้น ในภาคของการลงทุน และความเชื่อมั่น ย่อมเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
สำหรับประเทศญี่ปุ่น เราเป็นพันธมิตรในด้านการค้า การลงทุน และมีความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมที่ดีมาตลอดระยะเวลา 130 ปี เป็นความสัมพันธ์ที่ยาวนาน แนบแน่น และจะยั่งยืน มั่นคงตลอดไป อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า ทุกภาคส่วนพร้อมสนับสนุน ให้นักลงทุน และนักธุรกิจเข้ามาลงทุนอย่างเต็มที่ และเป็นธรรม สะท้อนผ่านการใช้เงินมหาศาลเพื่อสร้างระบบคมนาคม อาทิ ถนน สนามบิน และรถไฟ เพื่อให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า จะได้รับการช่วยเหลืออย่างดีที่สุดจากประเทศไทย
ต่อคำถาม ปัญหาการเมืองที่มีความผันผวน จะกระทบการลงทุนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ปัญหาทางการเมือง ไม่กระทบเศรษฐกิจไทย เพราะความขัดแย้งเกิดขึ้นมากว่า 10 ปีแล้ว แต่เศรษฐกิจไทย กลับสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่า ใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ตาม ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะไทยมีรากฐานภาคเอกชนที่เข้มแข็งมาก นักลงทุนโปรดเชื่อมั่น
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงอนาคตทางการเมือง ว่า ประเทศไทยมีการปรับเปลี่ยนโดยใช้สูตรการเลือกตั้งแบบใหม่ ที่จะทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นรูปแบบรัฐบาลผสม ซึ่งตนมองว่า นักการเมืองที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ย่อมต้องสร้างโอกาสให้เกิดขึ้นได้ในทุกสถานการณ์ ก็เป็นโอกาสในการพิสูจน์ความแหลมคม ของคนที่ได้รับโอกาสจากประชาชน ที่จะใช้ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ และต้นทุนที่มีทำงานให้กับบ้านเมือง ส่วนตัวผมถือเป็นความท้าทาย และเป็นเดิมพันครั้งสำคัญของชีวิตผม ประเทศชาติ และประชาชน จึงขอให้ทุกคนเชื่อมั่น
“ผมยืนยันและมั่นใจว่า การตัดสินใจของผม จะนำพาสิ่งที่ดีที่สุด ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ และมิตรประเทศ”
นอกจากนี้ นายอนุทิน ได้กล่าวถึง เมื่อมีรัฐบาลที่มาจากประชาชน และหากผมได้รับโอกาส เป้าหมายสำคัญที่จะต้องทำให้สำเร็จ คือ นำโมเดลของประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้ อาทิ การส่งเสริมสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศเป็นหลัก การกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ขณะเดียวกัน ก็ปรับกลไกระบบราชการ กระบวนการขั้นตอน ที่จะทำให้นักลงทุน มีความสะดวกสามารถเข้ามาดำเนินกิจการในไทยได้ง่ายขึ้น