นายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย หรือ คสรท. กล่าวถึงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรายจังหวัดระหว่าง 8 – 30 บาท ต่อวัน ว่า ภาพดูเหมือนแรงงานจะได้ประโยชน์ โดยลืมคิดว่าไปว่าในรอบ 5 – 6 ปีหลังสุด ค่าครองชีพได้สูงขึ้นไปกว่า 30 บาทต่อวัน ทั้งนี้ หากอยากต้องการช่วยเหลือแรงงานอย่างจริงใจ ควรจะขึ้นเป็น 360 บาทต่อวัน และต้องขึ้นให้เท่ากันทุกจังหวัด
“มีการบอกว่าแต่ละพื้นที่มีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน แต่ตามข้อมูลที่ได้รับ พื้นที่ที่มีการใช้แรงงาน ล้วนเป็นชุมชนเมือง ซึ่งราคาของข้าวของเครื่องใช้ก็เท่ากันทุกพื้นที่ เป็นราคากลาง ใช่ว่าพื้นที่ กรุงเทพจะขายน้ำอัดลม ควรละ 15 บาท แล้ว พื้นที่ต่างจังหวัดจะขายขวดละ 5 บาทเสียเมื่อไร ความจริง มันเป็นแบบนี้ แต่แรงงานขั้นต่ำกลับได้รับไม่เท่ากัน บางพื้นที่ขึ้น 8 บาท บางพื้นที่ขึ้น 30 บาท แต่ก็ต้องซื้อของราคาเท่ากันอยู่ดี”
ต่อข้อกังวลเรื่อง หากปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะทำให้ประเทศไทยไม่น่าลงทุน นายชาลี ตอบว่า ประเทศไทย มีความน่าลงทุนที่สุดแล้ว ตนมั่นใจว่า หากมีการย้ายออกของนักลงทุน ก็ยังมีนักลงทุนที่ต่อคิวเข้ามาทำมาหากินในประเทศไทย
“รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยเอาใจนักลงทุนอย่างยิ่ง สิ่งที่นักลงทุนได้รับ สิทธิพิเศษทั้งหลาย มีมูลค่ามากกว่าการขึ้นค่าแรง 30 บาทต่อวัน หลายเท่านัก”
สำหรับข้อเสนอเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นายชาลี ย้ำว่า ควรเลิกระบบค่าแรงขั้นต่ำ แต่ควรเป็นระบบค่าแรงแรกเข้าและขึ้นค่าแรงรายปี ให้สอดรับกับอัตราเงินเฟ้อ
“คุณเข้าทำงาน เงินเดือนคุณจะขึ้น ก็ต่อเมื่อมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ปรับ 5 ปี ได้เพิ่มมา 30 บาท แล้วจะไปช่วยพัฒนาชีวิตแรงงานได้อย่างไร” นายชาลี กล่าว