พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. กล่าวภายหลัง สนช.มีมติเลื่อนการเลือกตั้งออกไป 90 วัน ว่า แม้ฝ่ายตรงข้ามจะไร้แรงต้านการกระทำของผู้มีอำนาจชุดปัจจุบัน แต่สิ่งที่ต้องจับตามองคือ ความรู้สึกของนักลงทุนที่สะท้อนออกมาทันทีหลังประกาศเลื่อนเลือกตั้ง วัดจากดัชนีหุ้น ที่แกว่งตัวขาลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
“หากจำกันได้ หลังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศวันเลือกตั้งเป็นปลายปี 2561 นับจากนั้นเศรษฐกิจไทยดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะตลาดหุ้น เพราะมีเงินไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เป็นเงินจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ที่กล้านำเงินมาลงทุนในประเทศไทย เพราะเชื่อมั่นว่าประเทศจะเป็นประชาธิปไตยในไม่ช้า
ขณะที่การส่งออก ก็มียอดสั่งซื้อน่าพอใจ เพราะนักลงทุนคาดการณ์ว่า ในปลายปี บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย มีความมั่นคง สั่งสินค้าไป ได้รับแน่นอน ผิดจากที่ผ่านมา ซึ่งสั่งไปแล้ว มีความเสี่ยงจะไม่ได้สินค้าเพราะไทยถูกแทรกแซงจากนานาชาติ แต่พอการเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไปอีก ความมั่นใจที่เคยมี ก็หายไปทันที จากนี้ จะมีการชักเงินออกจากตลาดทุน ขณะที่ยอดการสั่งซื้อสินค้าไทย จะลดลงตามลำดับ”
อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวต่อว่า รัฐบาลต้องการอยู่ต่อ หลังพบว่า หากปล่อยเลือกตั้ง อาจได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ จึงจำเป็นต้องไปอีกสักพัก เพื่อเสริมความเข้มแข็งเชิงอำนาจ เตรียมพร้อมขั้นสูงสุดก่อนลงสนามเลือกตั้งจริง ทั้งนี้ รัฐบาลสามารถจะอยู่ต่อได้ หากมีกองหนุนที่เข้มแข็งพอ แต่ในความเป็นจริง ตอนนี้ กองหนุนของรัฐบาลร่อยหรอลงทุกที ทั้งในส่วนของฝ่ายประชาชน และฝ่ายผู้มีอำนาจ คงจะเหลือแต่ทหารปลดประจำการบางกลุ่มที่ยังช่วยเหลือกันดี อยากให้ฝ่ายผู้มีอำนาจพิจารณาให้รอบคอบว่าจะลงอย่างสง่างาม หรือเดินไปต่อ ท่ามกลางเส้นทางที่มีแต่ความเสี่ยง
ติดตามฉบับเต็ม : https://www.youtube.com/watch?v=h3bHMa_GH8M