จากกรณีคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ดการรถไฟ) ลาออกยกชุดส่งผลให้การเซ็นสัญญาสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน(ดอนเมือง อู่ตะเภา สุวรรณภูมิ) ระหว่างภาครัฐ กับเอกชนผู้ชนะประมูล หรือกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และ พันธมิตร(CPH) ต้องเลื่อนไปเป็นวันที่ 25 ตุลาคม เพื่อให้มีคณะกรรมการชุดใหม่มาปฏิบัติหน้าที่แทน
ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตอนที่ทราบข่าว ได้โทรไปขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่ต่อ แต่ทุกท่านก็มีเหตุผล บางคนไปดูแลภารกิจอื่น พระจะสึก คนจะคลอด บอร์ดลาออก มันห้ามกันไม่ได้ ทั้งนี้ ไม่ได้ลำบากใจ เพราะเมื่อลาออก ก็ต้องตั้งใหม่ อย่างไรเสียโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินก็ต้องเกิด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ให้ความหวังกับเรื่องนี้
ที่เร่งดำเนินการ ไม่ได้คิดจะกลั่นแกล้งใคร มีการบอกว่าการรถไฟส่งมอบพื้นที่ล้าช้า แต่ข้อเท็จจริงคือส่งมอบได้ 72% แล้วนะ ถ้าฝ่ายเอกชนมีปัญหา ท่านก็น่าจะคุยกับภาครัฐไปหมดแล้ว เพราะเปิโอหาสให้หารือกันหลายรอบ ตอนนี้ มันต้องย้อนกลับไปอ่านเรื่องของเงื่อนไขการประมูลงาน หรือ RFP ที่กำหนดว่ารัฐต้องทำอย่างไร และเอกชนต้องทำอย่างไร ภาครัฐ ทำในส่วนของเขาไปแล้ว ภาคเอกชนดำเนินการแล้วหรือยัง ทั้งนี้ มีระยะเวลาการยืนราคาคือวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ถ้าภาครัฐฯ และการรถไฟฯ ทำตามเงื่อนไข แต่ฝ่ายเอกชนยังไม่มีการเซ็นดำเนินงาน ปัญหามันจะเกิดแน่นอน ยกเว้นว่าทางการรถไฟ จะขอขยายระยะ ตรงนั้นต้องไปหารือกัน
“ก่อนมาซื้อซองประมูล ฝ่ายเอกชนต้องเห็นเงื่อนไขแล้ว เรียกว่า RFP เท่ากับรับทราบเงื่อนไขทั้งหมด และเราไม่เคยขอให้ใครมาประมูล แต่เอกชนจ่ายเงินเป็นล้านบาทซื้อซองประมูลเอง ที่ผ่านมา ไม่แค่เอนต้องทำตามเงื่อนไข แต่รัฐก็ต้องทำ มาถึงตอนนี้ รัฐก็ทำตาม RFP แล้ว รัฐได้คุยกับเอกชนมาตลอด และรัฐทำได้ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ถ้าเอกชนไม่เข้าใจก็ย้อนไปดู RFP แล้วทำตามนั้น และถ้า 25 ตุลาคม เอกชนไม่มา มันมีขั้นตอนของมัน ขอย้ำว่า ถ้าโครงการนี้ไม่เกิด จะกระทบกับความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยแน่นอน” นายอนุทินกล่าว