เป็นอารมณ์ “เลือดเข้าตา” ของฝ่ายต้านรัฐบาล ที่เอาเรื่องการแบนสารพิษมาเล่นการเมือง โดย “อินฟลูเอนเซอร์” ท่านหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊คทำนองว่า
“ต้องการเห็นคณะกรรมการวัตถุอันตรายโหวตหนุนพาราควอต เพื่อให้รัฐมนตรีภูมิใจไทยลาออก รัฐบาลจะได้ล้ม”
เรื่องของเรื่องมาจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาให้ข่าวว่า
หากรัฐมนตรีของพรรค ใครก็ตาม ที่ไม่สามารถดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ไปถึงขั้นที่ปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งนั่งในคณะกรรมการวัตถุอันตราย โหวตหนุนสารพิษ
รัฐมนตรีท่านนั้นก็สมควรลาออก
กลายเป็นความหวังให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ออกมาเชียร์ให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายหนุนสารพิษ ด้วยหวังให้พรรคภูมิใจไทย ลาออกจาก ครม. เกิดความระส่ำในฝ่ายรัฐบาล โดยมีกองเชียร์แห่กดไลค์แนวทางนี้กันเพียบ
ทั้งที่ 3 สารอันตราย ที่อยู่ในวิสัยแบน ได้แก่
“พาราควอต”
เป็นสารเคมีกำจัดวัชพืช (ยาฆ่าหญ้า) สารเคมีชนิดนี้มีพิษเฉียบพลันสูงต่อมนุษย์ ไม่มียาถอนพิษ และมี ผลกระทบเรื้อรังต่อสุขภาพ เช่น ก่อโรคพาร์กินสัน สมองเสื่อม แม้ใส่อุปกรณ์ป้องกันก็ยังสามารถผ่านเข้าสู่ร่างกายได้โดยการสัมผัสทางผิวหนังรวมทั้งบาดแผล แล้วซึมเข้าร่างกายจนเกิดอันตรายถึงชีวิต ทั้งยังพบตกค้างในอาหาร
จากการศึกษาของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบการตกค้างของพาราควอตในซีรั่มทารกแรกเกิดและมารดา และหากมีประวัติการขุดดินในพื้นที่เกษตร ยิ่งมีความเสี่ยงในการตรวจพบพาราควอต คิดเป็น 6 เท่าของหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่มีการขุดดิน
ขณะที่ “คลอร์ไฟริฟอส”
เป็นสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอีกหนึ่งชนิดที่ส่งผลกระทบต่อแม่และเด็กได้ มีงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติที่ระบุว่า สารเคมีดังกล่าวส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก ทำให้มีอาการสมาธิสั้น ไปจนถึงปัญหาด้านความบกพร่องของพัฒนาการแบบรอบด้าน นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการทำงานของต่อมไร้ท่อ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มอัตราการเป็นมะเร็งลำไส้ได้
สุดท้าย “ไกลโฟเซต”
เป็นสารเคมีกำจัดวัชพืช สารเคมีชนิดนี้สามารถส่งผลกระทบต่อแม่และเด็กได้ ซึ่งสถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติภายใต้องค์การอนามัยโลกได้เผยแพร่รายงานในปี 2558 โดยกำหนดให้ไกลโฟเซตเป็น “สารที่น่าจะก่อมะเร็ง” (probably carcinogenic to humans) ในมนุษย์ เนื่องจากมีหลักฐานเพียงพอว่าก่อมะเร็งในสัตว์ทดลอง และหลักฐานที่หนักแน่นว่าก่อให้เกิดความผิดปกติของสารพันธุกรรม (ทำลายยีน-โครโมโซม) นอกจากนี้ยังมีข้อค้นพบว่า ไกลโฟเซตสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลายชนิดเพิ่มมากขึ้น เช่น เบาหวาน โรคอ้วน อัลไซเมอร์ และทำให้เซลล์รกได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน
อันตรายขนาดนี้ แต่ดันมีฝ่ายการเมืองเชียร์ให้ใช้ต่อ แบบไม่สนใจเลยว่าขนาด ส.ส.ฝ่ายต้านรัฐบาล ยังต้องการยกเลิกใช้สารข้างต้น ย้อนไปเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีวาระพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรมซึ่งส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคอนาคตใหม่ เป็นต้น ลุกขึ้นอภิปรายเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด โดยขอให้ตั้งกมธ.วิสามัญชุดดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าสารเคมี 3 ตัว ประกอบด้วย พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส เป็นอันตราย
นี่คือมติของฝ่ายการเมืองทุกพรรค
แต่กลับมีคนมาบอกว่าโปรดอย่ายกเลิก 3 สารพิษเลย เพราะจะใช้ประเด็นนี้
ล้มรัฐบาล
ถึงขั้นที่นายอนุทิน ต้องออกมาเตือนสติ ระบุว่า
“หัวใจทำด้วยอะไร เอาการเมืองมาเดิมพันกับชีวิตคนไทย การเมืองเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา วันหนึ่งฝ่ายท่าน ย่อมมีโอกาสขึ้นมาทำงาน ฝ่ายรัฐบาลปัจจุบัน มีโอกาสตกลงไปเป็นฝ่ายค้าน มันเป็นวิถีการเมืองตามธรรมชาติ แต่หากปล่อยให้ใช้สารพิษต่อไป สุขภาพของคนไทยทั้งประเทศจะยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ
วิญญูชนไม่สมควรสนับสนุนการใช้สารพิษ เพียงเพราะหวังเอาชนะทางการเมือง อยากฝากตรงนี้ไว้ให้คิด หากต้องการทำงานรับใช้ประชาชน ให้เอานโยบายมาแข่งกัน ระหว่างนี้ ก็หาทางทำประโยชน์แก่บ้านเมือง ให้ประชาชนเลือก
หรือหากการสนับสนุนสารพิษคือนโยบายก็ประกาศมาตรงๆเลยว่าตัวท่าน พรรคท่านสนับสนุนสารพิษ แล้วเอาข้อมูลมาคานกัน หรือยื่นให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาเป็นข้อมูลก่อนลงมติ แต่อย่าเชียร์เพราะความสะใจ เนื่องจากสารพิษภาคเกษตรได้ทำลายชีวิตพี่น้องคนไทยมามากแล้ว นี่คือโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดที่เราจะล้างสิ่งเหล่านี้ออกจากประเทศ ขอให้ท่านคิดอย่างรอบคอบ”
ต้องสะกิดกันบ้าง
ในอดีต ประมาณปี 2554-2555 มีหนังดังเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของการทำงานการเมือง โดยมิสนผิดชอบชั่วดี เพื่อหาทางขึ้นเป็นใหญ่ หนังมีชื่อว่า The Ides of March คนไทยมาเปลี่ยนชื่อให้ดุขึ้นเป็น “การเมืองกินคน” หนังสนุก ตอนจบเป็นอย่างไร อยากให้ดูกันเอง
มากันที่ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าภาพยนตร์เรื่อง “การเมืองกินคน”
กำลังสะท้อนสถานการณ์การเมืองไทยได้ดี
เพราะถึงขั้นเอาความเจ็บป่วยของประชาชนมา “เดิมพัน” กันแล้ว
Ringsideการเมือง