เมื่อวันที่ 16 ต.ค.เวลา 08.00 น.นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเตรียมอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่า ตนขอให้ฝ่ายค้านเตรียมข้อมูลมาอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ไม่นำประเด็นทางการเมืองมาตีรวนกับเรื่องงบประมาณ เพราะประชาชนทั่วประเทศกำลังติดตามอยู่ โดยในส่วนการตั้งงบของรัฐบาลในส่วนไหนที่ฝ่ายค้านเห็นว่า ไม่เป็นประโยชน์ก็ขอให้อภิปรายแบบติเพื่อก่อ เสนอแนวทางที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติมากที่สุด
เมื่อถามถึงกระแสข่าวลือเรื่องเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ อาจทำให้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่ผ่านที่ประชุมสภาฯ นายสิระ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าในหลักการและทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านต่างก็อยากให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เพราะทุกคนคือตัวแทนของประชาชน คงไม่มีใครอยากจะทำให้การเมืองชะลอการเดินหน้าของประเทศ
“ตนกังวลอยู่แค่เรื่องเดียว นั่นก็คือ การอภิปรายของฝ่ายค้าน ที่อาจจะเน้นไปที่ตัวบุคคล จนกลายเป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แบบที่ฝ่ายค้านพยายามใช้เวทีสภาฯในรูปแบบนี้มาโดยตลอด ซึ่งตนมองว่า สมัยประชุมที่ผ่านมา ฝ่ายค้านยังทำหน้าที่ได้ไม่สร้างสรรค์ ตนก็หวังว่าการอภิปรายในวันที่ 17-19 ต.ค.นี้ คงจะเป็นการอภิปรายที่อยู่ในกรอบของเนื้อหา และขอให้ฝ่ายค้านอดใจรอไว้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจในโอกาสหน้า อย่าได้เอามารวมกัน เพราะจะทำให้ฝ่ายค้านดูไม่มีความเป็นมืออาชีพ” นายสิระ กล่าว
ขณะที่วานนี้ (15 ต.ค.62) ไทยรัฐ รายงานว่า นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้าน หรือ ประธานวิปฝ่ายค้าน เป็นประธานการประชุมผู้แทนจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน เพื่อเตรียมการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่สภาผู้แทนราษฎร จะมีการพิจารณาในวาระแรก วันที่ 17 ตุลาคมนี้
ทั้งนี้ นายสุทิน ยืนยันว่า ฝ่ายค้านจะใช้เวลาการอภิปราย 20 ชั่วโมง หลังคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล เตรียมพิจารณาปรับลดเวลาการพิจารณาจากฝ่ายละ 20 ชั่วโมง เหลือ 15 ชั่วโมง เนื่องจากเห็นว่าในอดีตที่ผ่านมาตลอด 5 ปีนั้น การพิจารณางบประมาณของรัฐบาล โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ไม่เคยผ่านการถูกตรวจสอบ อย่างงบประมาณในปี 2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาทนั้น สนช. ก็ผ่านการพิจารณาด้วยเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
สำหรับกรอบเวลาการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ฝ่ายค้านกำหนดกรอบเวลา 20 ชั่วโมง หรือ 1,200 นาที แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 660 นาที, พรรคอนาคตใหม่ 391 นาที, พรรคเสรีรวมไทย 49 นาที, พรรคประชาชาติ 34 นาที, พรรคเศรษฐกิจใหม่ 29 นาที, พรรคเพื่อชาติ 24 นาที และพรรคพลังปวงชนไทย 5 นาที