พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วาระแรก
ต่อมาเวลา 10.42 น. นายกรัฐมนตรี เริ่มแถลงหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ต่อสภาผู้แทนราษฎร ในวาระแรก ได้กำหนดวงเงิน 3,200,000 ล้านบาท เพื่อให้เพียงพอในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน โดยได้มีการประมาณการรายได้สุทธิไว้ 2,731,000 ล้านบาท วงเงินกู้ชดเชยขาดดุลงบประมาณ 469,000 ล้านบาท ซึ่งการขาดดุลงประมาณจำนวนดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อวินัยและฐานการคลังของประเทศในระยะยาว
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3-4 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออกตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและระบบการค้าโลกที่คาดว่าจะปรับตัวต่อมาตรการกีดกันทางการค้าได้มากขึ้น รวมถึงการขยายตัวในเกณฑ์ดีของอุปสงค์ในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลกที่ยังอยู่ในเกณฑ์สูงและแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ คาดว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วง 0.8-1.8 และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณร้อยละ 5.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
สำหรับ การจัดทำงบประมาณ ปี 2563 นายกณัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทและนโยบายของรัฐบาลให้ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมทั้งน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งจะใช้ 6 ยุทธศาสตร์ในการจัดสรรงบประมาณ ได้แก่
ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง 428,190.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.4 ของวงเงินงบประมาณ
ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 380,803.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.9 ของวงเงินงบประมาณ
ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 571,073.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.8 ของวงเงินงบประมาณ
ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 765,209.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.9 ของวงเงินงบประมาณ
ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 118,700.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.7 ของวงเงินงบประมาณ
ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ 504,686.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.8 ของวงเงินงบประมาณ
“งบประมาณ “กระทรวงกลาโหม” ที่เสนอขอวงเงิน 2.3 แสนล้านบาท ไม่ใช่แค่งบภายในกลาโหม แต่รวมถึงการแก้ปัญหาความมั่นคงชายแดนภาคใต้ ปัญหายาเสพติด และการเสริมสร้างธุรกิจ เศรษฐกิจ การขับเคลื่อนและคุ้มครองความปลอดภัย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่รายการค่าดำเนินการภาครัฐประกอบด้วย 59 แผนงาน โดยได้จัดสรรงบฯ ในส่วนนี้ไว้ 431,336.6 ล้านบาท เพื่อสำรองไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือจำเป็น 96,500 ล้านบาท บริหารจัดการหนี้ภาครัฐ272,127.1 ล้านบาท และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 62,709.5 ล้านบาท
“กฎหมายเขาระบุตรงนี้ว่า งบนี้ต้องเอาไปใช้ในงบกลาง เมื่อไปใช้ในงบกลาง ทั้งหมดมันตั้งอยู่ 5 แสนกว่าล้าน ใช้เรื่องนี้ 4 แสนกว่า ท่านจะไม่ให้เขาเหรอครับ มีมันอยู่แสนกว่า ไม่ใช่นายกฯอนุมัติโครม ๆ ไม่ใช่ ให้ๆ ไม่มีครับ ผมไม่เคยอนุมัติให้แบบนี้ การใช้งบกลางมันต้องทำแผนงานโครงการขึ้นมาทั้งสิ้น แล้วพิจารณาใน ครม. ผมอนุมัติเองไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลจัดสรรงบประมาณยึดหลักความถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมฝากให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ศึกษาพิจารณาให้ครบถ้วนทั้งหมด อย่าดูแค่เพียงวงเงินของแต่ละกระทรวง แต่ขอให้ดูรายละเอียดของการดำเนินงานของแต่ละกระทรวงด้วย ซึ่งรัฐบาลพร้อมตอบและรับฟังข้อเสนอแนะจากสภา เพื่อดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน