นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กิโลเมตร มูลค่า 2.2 แสนล้านบาทว่า นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เลื่อนการลงนามกับเอกชนที่ชนะการประมูล จากเดิมกำหนดไว้วันที่ 25 ตุลาคม 2562 เป็นวันที่ 24 ต.ค. เนื่องจากกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (CPH) ได้แจ้งมาว่ามีความพร้อมและต้องการลงนามสัญญาในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามหลักการปกติ
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า สำหรับพิธีการลงนามสัญญาโครงการระหว่าง รฟท.กับกลุ่ม CPH จะจัดขึ้นในเวลา 13.30 น. วันที่ 24 ต.ค.นี้ ที่อาคารภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เรื่องนี้ไม่มีอะไร เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ เรื่องนี้ต้องลงนามให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าเราได้เริ่มต้นแล้ว และหลังจากลงนามสัญญาแล้วคณะทำงานดูแลการส่งมอบพื้นที่ที่มีนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ในฐานะคณะทำงาน ไปเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง โดยจะมีแผนการทำงานที่ชัดเจนว่าแต่ละวันจะดำเนินการอะไร ในบริเวณไหนบ้างเพื่อให้เกิดความชัดเจน
“หลังลงนามสัญญาแล้ว จะส่งข้อมูลสัญญาและเอกสารแนบท้ายโครงการทั้งหมดให้สื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ เพื่อให้ประชาชนและฝ่ายต่างๆ ร่วมกันติดตามว่ามีสิ่งใดไม่ได้เป็นไปตามเอกสารบ้าง รวมถึงต้องการทำความเข้าใจในหลายประเด็นที่คลาดเคลื่อนกันหลายเรื่อง เช่นบอกว่าโครงการมีการปรับร่างสัญญาหลัก หรือมีการเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน สิ่งเหล่านี้ผมประหลาดใจอย่างมาก” นายศักดิ์สยามกล่าว
รมว.คมนาคมกล่าวว่า ก่อนที่เราจะดำเนินการนัดหมายกับเอกชนที่ชนะการประมูล ในเรื่องของการลงนามซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้หารือว่าจะสามารถส่งมอบพื้นที่ได้อย่างไร ในช่วงนั้นกระทรวงคมนาคมและนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่าเป็นการปฏิบัติที่เอาเปรียบเอกชน พอกำหนดวันลงนามได้ข่าวก็เปลี่ยนว่าเอื้อต่อเอกชน ทั้งหมดนี้ยืนยันว่าเอาความชัดเจนจากเอกสาร ตัวสัญญา และเอกสารแนบท้ายประกอบ ดำเนินการตาม Request For Proposal (RFP) โดยจะดูแลผลประโยชน์ของประเทศและภาครัฐอย่างเคร่งครัด
“ได้กำชับว่าคณะกรรมการคัดเลือกต้องดูกฎหมายและ RFP ไม่มีอะไรเกินไม่มีอะไรขาด เรื่องนี้มองว่าเป็นเรื่องสำคัญระดับประเทศ เราทุกคนผลักดันทั้งหมด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงเรื่องนี้มาก ผมได้เรียนแล้วว่าได้ฟังอภิ ปรายไหม ปี 2525 เรามีอีสเทิร์นซีบอร์ด เสร็จปี 2533 ต่างประเทศเข้ามาลงทุนเยอะแยะก็สามารถทำให้เศรษฐกิจประเทศเจริญเติบโตได้ถึงปี 2540 หลังจากนั้นเราไม่เคยมีการลงทุนทำอะไรเลย จากปี 2533-2563 ระยะเวลา 30 ปี ท่านนายกฯ เริ่มมาตั้งแต่ปี 58 กว่าจะเสร็จปี 68 เรื่องนี้ไม่มีการทำอะไรนอกเหนือจาก RFP และกฎหมายอย่างแน่นอน” นายศักดิ์สยามกล่าว.