จากกรณีที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย ลงคะแนนโหวดยุติการใช้สารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต ไกรโฟเซต และคลอร์ไพรีฟอส ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 ธันวาคม
ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง นักรัฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้น เป็นผลงานของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งนำเอาความตื่นตัวของภาคประชาชน ที่มีการเรียกร้องประเด็นนี้มานาน มาปฏิบัติจนเห็นผล นอกจากนั้น เรื่องดังกล่าวยังตรงกับยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ที่ต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตมนุษย์ในศตวรรษที่ 21
ซึ่งพรรคภูมิใจไทย อาศัยทั้งกระแสของประชาชนที่เห็นชอบร่วมกัน บวกกับความเร็วในการดำเนินการ จนฝ่ายต่อต้านตั้งตัวไม่ติด เป็นการบูรณาการทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการ และภาคประชาชน ให้ไปในทางเดียวกัน กระทั่งสามารถยุติการใช้สารพิษดังกล่าวได้อย่างเหลือเชื่อ
“ทั้งยังเป็นบทพิสูจน์ว่ารัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย มีกึ๋น มียุทธศาสตร์ สามารถทำงานได้จริง โดยเฉพาะนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งขึ้นชั้นจากทำงานระดับท้องถิ่นมาทำงานระดับชาติ ท่ามกลางความสงสัยว่าจะทำงานได้หรือไม่ ตอนนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่ามีความสามารถแน่นอน”
ผศ.วันวิชิต กล่าวต่อว่า แต่ในอนาคต จะมีเรื่องท้าทายหลังจากแบนสารพิษ คือ ฝ่ายต่อต้านจะยื่นศาลปกครอง ทั้งเพื่อระงับมติ และเอาผิดฝ่ายที่หนุนให้แบน จะด้วยข้อหาอะไรก็ต้องติดตาม นอกจากนั้น ฝ่ายรัฐ จะหาวิธีเยียวยาผู้เสียผลประโยชน์ และเกษตรกรอย่างไร ยังเป็นเรื่องที่ต้องคิดกันต่อไป แต่ในภาพรวมพรรคภูมิใจไทยได้โชว์ฝีมือไปแล้ว และได้คะแนนไปแล้ว