กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เตรียมนำทัพผู้ประกอบการ และสหกรณ์โคนม จำนวน 13 ราย ภายใต้โครงการ “จัดทัพโคนมไทยบุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ” เข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สิงคโปร์ปลายเดือนตุลาคมนี้ มั่นใจเฟ้นหาและบ่มเพาะจนผู้ประกอบการไทยพร้อมแข่งขัน บวกกับชื่อเสียงคุณภาพสินค้าไทยเป็นที่ยอมรับ ทำให้สามารถทำตลาดในประเทศกำลังซื้อสูงได้ไม่ยาก
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ “จัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ” ว่าหลังจากเปิดตัวโครงการไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็ได้มีกิจกรรมหลากหลาย โดยเน้นการพัฒนาผู้ประกอบการ เกษตรกร และสหกรณ์โคนมแปรรูป ที่เข้าร่วมโครงการ ให้เข้าใจถึงการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดอาเซียนซึ่งได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับนมและผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกจากไทยแล้ว รวมทั้งได้ให้ความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดอาเซียน อีกทั้งยังได้จัดทีมที่ปรึกษาลงพื้นที่เยี่ยมฟาร์มโคนม และกิจการของผู้ประกอบการนมโคแปรรูปที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก ทั้งเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขั้นตอนการส่งออก และการทำตลาดนมแปรรูปด้วย และในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ กระทรวงพาณิชย์จะพาผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเดินทางเยือนสิงคโปร์ เพื่อเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า สร้างเครือข่ายธุรกิจ และสำรวจตลาดสินค้านมโคแปรรูปของสิงคโปร์ ก่อนที่จะมีการประเมินสรุปผลความสำเร็จของโครงการต่อไป
“การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร กลุ่มสหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการแปรรูป จนทำให้สามารถส่งออกสินค้าไทยไปยังต่างประเทศได้นั้น ถือเป็นนโยบายที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะผลักดันให้สินค้าเกษตรไทยขยายตลาดส่งออกไปยังตลาดโลก โดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอได้อย่างมีแต้มต่อ” นายวีรศักดิ์ กล่าว
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรมฯ จะนำผู้ประกอบการ และสหกรณ์โคนม ที่เข้าร่วมโครงการ “จัดทัพโคนมไทยบุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ” จำนวน 13 ราย ร่วมงานแสดงสินค้า Food Japan ที่สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งเป็นงานมหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจากประเทศญี่ปุ่นและภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากงานนี้ให้ความสำคัญกับการจัดการคุณภาพอาหารให้ปลอดภัยขั้นสูง การใช้เทคโนโลยี นำนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิตอาหาร จึงเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการโคนมแปรรูปของไทย ที่จะได้มุมมองการผลิตสินค้า และบรรจุภัณฑ์อาหารพรีเมี่ยม พร้อมทั้งสำรวจตลาดนมโคแปรรูป จับคู่ธุรกิจ สร้างเครือข่ายกับผู้นำเข้าสินค้านมโคแปรรูปในสิงคโปร์
นอกจากนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ สิงคโปร์ จะให้ความรู้เกี่ยวกับตลาดสิงคโปร์ กฎระเบียบ มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้านมโคและนมโคแปรรูป ซึ่งมีความเข้มงวดด้านกฎระเบียบ มาตรฐานเทียบเท่าตลาดชั้นนำ เช่น สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ เป็นต้น ซึ่งมั่นใจว่ากิจกรรมนี้จะช่วยนำร่อง สร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการ และสหกรณ์โคนมแปรรูป พร้อมเข้าสู่ตลาดต่างประเทศโดยใช้เอฟทีเอเป็นแต้มต่อทางการค้า
ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีอำนาจการซื้อสูง บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพและมีความหลากหลาย และเป็นศูนย์กลางการค้าที่สามารถกระจายสินค้าของไทยไปยังตลาดโลกได้ โดยสิงคโปร์เป็นคู่ค้าอันดับที่ 7 ของไทย ไทยส่งออกไปสิงคโปร์ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 6,110.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วงปี 2559-2561 มูลค่าส่งออกนมโคแปรรูปของไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และใน 8 เดือนแรก ของปี 2562 มูลค่าส่งออกอยู่ที่ 1,238 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 7.4 สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ โยเกิร์ต บัตเตอร์มิลค์ นมและครีม โดยคู่ค้าหลักยังคงเป็นประเทศในแถบอาเซียน เช่น กัมพูชา (ขยายตัวร้อยละ 17) ฟิลิปปินส์ (ขยายตัวร้อยละ 14) และสิงคโปร์ (ขยายตัวร้อยละ 8) รวมทั้งฮ่องกงและจีน เป็นต้น ซึ่งเป็นประเทศที่มีเอฟทีเอกับไทยและได้ลดภาษีนำเข้าสินค้านมโคและผลิตภัณฑ์นมโคแปรรูปให้ไทยแล้ว จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่ต้องเร่งใช้ประโยชน์ให้สินค้าไทยสามารถขยายตลาดได้อย่างต่อเนื่อง