รศ.อัศฎางค์ ปาณิกบุตร อดีตคณบดี คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง กล่าวหลังจากพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ยืนยัน ทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไป ว่า เป็นสัญญาณที่ชี้ให้สังคมเห็นว่า คสช. ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่มีตัวช่วยใหม่ที่ทรงอำนาจ เป็นแรงผลักให้ คสช. ยังสามารถอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้
“การเข้ามาของตัวหนุนใหม่ ทำให้ คสช. มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นในทุกเรื่อง โดยเฉพาะความมั่นคงทางการเมือง จากนี้ คสช. จะไม่กดดันตัวเอง เรื่องเลือกตั้งอีกต่อไป ส่วนตัวเชื่อว่า คสช. สามารถเลื่อนเลือกตั้งต่อไปได้ ตราบใดที่ตัวหนุนใหม่ ยังเป็นแบ็คให้ คสช.”
รศ.อัศฎางค์ กล่าวต่อว่า คสช. กำลังอยู่ในภาวะขาขึ้นทางอำนาจ จะเห็นว่าช่วงหลังพลเอกประยุทธ์ ครม. และทุกคนในกลุ่มผู้มีอำนาจ ล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส แนวทางการบริหารประเทศ ก็เป็นไปในรูปแบบเดิม ใช้อำนาจ ผสมกับประชานิยม ปนกันไป
ระหว่างนั้น พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ออกมาเตือนเรื่องกองหนุน แต่พลเอกประยุทธ์ ก็ไม่ได้ปรับแนวทางการทำงาน ยังไว้ใจคนใกล้ชิด ก็สะท้อนว่า เสียงของพลเอกเปรม ไม่มีพลังพอสำหรับพลเอกประยุทธ์ รัฐบาล และ คสช.
ทั้งนี้ สิ่งที่ยังแก้ไม่ได้สำหรับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ คือ ภาพลักษณ์ในสายตาต่างประเทศ เพราะการเข้ามาของพลเอกประยุทธ์ มาด้วยวิธีที่ทั่วโลกไม่ยอมรับ ขณะที่คำพูดของพลเอกประยุทธ์ ถูกลดความน่าเชื่อถือลงไปเรื่อย อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่แรงบีบที่จะทำให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ต้องลงจากตำแหน่ง เพราะตราบใดที่ประชาชนยังทนได้ รัฐบาลก็ย่อมอยู่ได้
เมื่อถามต่อในเรื่องของการชุมนุมกลุ่มอยากเลือกตั้ง นักวิชาการคนดังตอบว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดี สำหรับนักเคลื่อนไหวกลุ่มนี้ และกองเชียร์ เพราะแกนนำยังมีพลัง ไม่มีภาระ และไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง แต่น่าเสียดายที่สังคมไทย เปลี่ยนไปสู่ความเป็นสุขนิยม จนไม่อยากพาตัวเองเข้ามาเสี่ยงกับเรื่องที่พวกเขาเชื่อว่าไกลตัวเกินไป สิ่งที่จะขับให้คนออกมาร่วมด้วยได้คือ ในวันที่พวกเขาไม่มีจะกินแล้วเท่านั้น
สำหรับโฉมหน้าของรัฐบาลหลังเลือกตั้ง รศ.อัศฎางค์ ระบุว่า มีแนวโน้มว่านายกรัฐมนตรีจะชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามากที่สุด เพราะเขามีเสียงในสภาจาก ส.ว. แล้ว 250 เสียง รอเสียงมาเติมหน่อย ก็เป็นไปตามแผน แต่ที่ต้องลุ้นหนักคือ การบริหารประเทศ น่าจะมีปัญหา เพราะ ส.ว.เข้าไปช่วยไม่ได้แล้ว และอย่าลืมว่า นักการเมืองมีเล่ห์เหลี่ยม ถ้าฝ่ายทหารไว้ใจเสียงหนุนจากฝ่ายนักการเมือง ก็อาจจะต้องเสียใจในภายหลัง