นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งในประเทศไทยว่า เกิดจากความเข้าใจในคำว่าระบอบประชาธิปไตยที่แตกต่างกัน บางคนมองว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง บางคนบอกว่าประชาธิปไตย ต้องลึกซึ้งกว่านั้น
“ปัญหาของประชาธิปไตยคือ มันมีความพยายามเอาตัวบุคคล ไปเป็นตัวแทนของประชาธิปไตย พอบุคคลนั้น ถูกตรวจสอบ กับกลายเป็นประชาธิปไตยผิดไปด้วย ซึ่งมันคนละเรื่องกันเลย สิ่งที่ตามมาคือ ประชาธิปไตยถูกทำให้กลายเป็นระบอบที่แย่ ทั้งที่มันเป็นระบอบที่ดีที่สุด มันพัฒนาได้ แต่ต้องใช้เวลา ขอว่าจากนี้ เราอย่าไปทำลายประชาธิปไตยอีก”
เมื่อถามถึงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้าร่วมกับ กปปส. นำมาซึ่งการยึดอำนาจ ถือเป็นการทำลายประชาธิปไตยหรือไม่ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นการรักษาประเทศชาติ เพราะตอนนั้น มันถึงเวลาที่ต้องร่วมกันปฏิรูปประเทศ เรามีปัญหาคอรัปชั่น เผด็จการรัฐสภา ความรุนแรงบนท้องถนน มวลชนเผชิญหน้า บ้านเมืองมันไปไม่ไหวแล้ว มันต้องมีทางออก และพรรคประชาธิปัตย์ก็หวังว่าจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่สุดท้าย ก็ผิดหวังเพราะ คสช. ก็ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น
สำหรับการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า “แล้วแต่ท่านพลเอกประยุทธ์”
เมื่อถามว่า 1 ปีต่อจากนี้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างไร นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า วาทกรรมเรื่อง 2 มาตรฐาน มันทำให้เกิดความขัดแย้ง เพราะมันมีความสงสัยเสมอว่า ทำไมขณะนี้ตัดสินไปแล้ว ทำไมคดีนี้ไม่ตัดสิน – ไม่ผิด ฝ่ายรัฐบาล ต้องหาทางเคลียร์ให้ได้ ว่า มันไม่ได้ละเว้น ไม่ได้ช่วยเหลือกัน แต่มันทำไปตามกระบวนการยุติธรรม ตรงนี้ จะลบล้างวาทกรรม 2 มาตรฐานได้ ต่อมาก็เรื่อง ความเหลื่อมล้ำ คุณต้องทำให้เงินกระจายจากนายทุนไปสู่รากหญ้าให้ได้ อย่าให้ประชาชนรู้สึกคับข้องใจกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่