“เราขอให้พรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ออกมาต่อสู้ร่วมกับเรา”
คือคำวิงวอนของผู้ชายชื่อ “รังสิมันต์ โรม” ถึงนักการเมือง 3 พรรค ในช่วงเย็นของวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ถือเป็นการ “คิกออฟ” การชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 22 พ.ค. อันจะตรงกับวันที่ คสช. ยึดอำนาจ เมื่อ 4 ปีก่อน
เสียงเพรียกของรังสิมันต์ โรม เป็นกระจกสะท้อนว่า พลังของพรรคการเมืองยังมหาศาล
เพราะต้องยอมรับว่า พรรคการเมือง อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตยไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2488 หรือตั้งแต่มีการบรรจุเรื่องของพรรคการเมืองไว้ในรัฐธรรมนูญ หลังจากนั้น พรรคการเมือง ก็เวียนว่ายตายเกิดอยู่บนสายธารการเมืองไทย เคียงคู่กับประชาชน
หากใครได้พรรคการเมืองไปเป็นพวก ย่อมฝันถึงชัยชนะในบั้นปลายได้ไม่ยาก
ข้อเรียกร้องของ “รังสิมันต์ โรม” ถึงพรรคเพื่อไทย หาใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลอยู่แล้ว เช่นเดียวกับสารที่ส่งไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ ก็หาใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะระยะหลัง พรรคเก่าแก่พรรคนี้ ก็ออกมาโจมตีรัฐบาลในหลายเรื่อง
แต่ความน่าแปลกใจมันบังเกิด เมื่อมีชื่อของ “พรรคภูมิใจไทย” ถูกขานบนเวที
ทั้งที่ก่อนหน้า พรรคภูมิใจไทย แทบจะหลุดไปจากสารบบความคิดของกลุ่มอยากเลือกตั้ง เพราะในกลุ่ม “คนอยากเลือกตั้ง” ไม่มีสายสัมพันธ์ใดข้องเกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทยเลย
และที่สำคัญตัวพรรคเอง ก็วางตัวห่างจากความขัดแย้งมานาน ด้วยแนวทางการเมือง ที่หมายให้เป็นผู้ “ถอนฟืนออกจากกองไฟ” พรรคภูมิใจไทย จึงอยู่ในสภาพที่เก็บตัวเงียบ หลีกเลี่ยงจากการถูกตราหน้าว่า “สร้างเงื่อนไข”
การเรียกร้องของ “รังสิมันต์ โรม” จึงเป็นความน่าแปลกใจ ว่าแกนนำวัยรุ่น มองเห็น “อะไร” ในพรรคภูมิใจไทย
แต่ความน่าแปลกใจที่สอง ตามมาอย่างรวดเร็ว เมื่อ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกรายการ “Ringsideการเมือง” วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ร่วมกับนายเอกชัย ไชยนุวัติ นักวิชาการด้านกฎหมาย โดยมีการพูดถึงการชุมนุม ที่นายอนุทินอธิบายว่า
“ผมไม่คิดว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นจะเป็นการไปกดดันใคร แต่เป็นการแสดงความคิดเห็น ที่สามารถทำได้ หากไม่ทำผิดกฎหมาย และเมื่อมันเป็นข้อเรียกร้อง รัฐบาลก็ต้องฟัง ก็เหมือนกับการเรียกร้องราคาสินค้าเกษตร การเรียกร้องความยุติธรรม รัฐบาลต้องฟัง … ผมต้องขอขอบคุณฝ่ายความมั่นคง ที่ปล่อยให้การชุมนุมเกิดขึ้น ผมเชื่อว่า การที่เขาส่งเสียงออกมา มันทำให้รู้ว่าเขาทำอะไร จะได้หาทางแก้ไขกันถูก ดีกว่าเขาอยู่เงียบๆ แล้วระเบิดตูมออกมา แบบนี้ ยุ่งเลย”
เป็นท่าทีล่าสุด ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ต้องตีความ
และ ต้องจับตามอง
newsringside