ประเทศไทย ท่ามกลางความขัดแย้ง 2 ทศวรรษ ในสงครามสีเสื้อที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นเวที จากเหลือง สู่แดง สู่หลากสี สู่ธงชาติ ต้องยอมรับว่า สร้างความเบื่อหน่ายให้กับประชาชน ในศึกชิงอำนาจ ที่มีทหารเป็นตัวกลาง ที่มักจะร่วมวงมาเล่นด้วย อย่างผู้หวังดีต่อบ้านเมือง สิ่งที่ตามมาคือประเทศไทยหยุดนิ่งในหล่มของความขัดแย้งยาวนาน
ตัวละครสำคัญ ล้วนแล้วแต่เป็นคนรุ่นก่อนทั้งสิ้น
ในความเป็นสากล เราต้องฝากอนาคตไว้กับคนรุ่นใหม่ แต่สำหรับประเทศไทย อดีต ปัจจุบัน อนาคต ล้วนอยู่กับคนรุ่นก่อน ด้วยเพราะความห่วงใย กลัวคนรุ่นใหม่ทำได้ไม่ดีพอจึงต้องเข้ามาจัดการอยู่เรื่อยไป
แน่นอนว่าแนวคิดทำนองนี้ สวนกระแสโลก ที่เทรนด์คนรุ่นใหม่กำลังมาแรง
ล่าสุด เอ็มมานูเอล มาครง ในวัย 37 ปี สามารถคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เป็นผลสำเร็จ
ขณะที่ มาร์ก เอลเลียต ซักเคอร์เบิร์ก วัย 33 ปี ในฐานะเจ้าของ FACEBOOK คือตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ ผู้เปลี่ยนแปลงโลกที่แท้จริง
ในเอเชีย ชื่อของ โจชัว หว่อง วัย 21 ปี กำลังสะเทือนจีนแผ่นดินใหญ่ จากแนวคิด ฮ่องกงต้องเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐได้อย่างเสรี
โลกกำลังเผชิญกับพลังของคนรุ่นใหม่ และโอนอ่อนผ่อนตาม กับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะทางการเมือง ที่โจชัว หว่องยังได้พูด และผู้นำยุค 4G ที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ
สิ่งที่ปรากฏ สอดคล้องกับความคิดของรองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ให้สัมภาษณ์กับรายการ Ringsideการเมือง ระบุว่า
“เข้าใจว่าทั้งคนรุ่นก่อน ทั้งทหาร ท่านอาบน้ำร้อนมาก่อน เป็นห่วงประเทศชาติ แต่อยากให้ท่านผ่อนปรนลงบ้าง ปล่อยให้บ้านเมืองมันเดินไปตามกฎตามกรอบ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เขียนมาดีแล้ว ถ้าทุกฝ่ายยึดตามรัฐธรรมนูญกำหนด บ้านเมืองไปต่อได้ อยากให้การยึดอำนาจครั้งล่าสุด เป็นการยึดอำนาจครั้งสุดท้าย”
“เมื่อทหารกลับเข้ากรมกอง ฝ่ายการเมือง ต้องเคารพกติกา ฝ่ายบริหารอย่าลุแก่อำนาจ ฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องดูแลให้กฎหมายตอบสนองประชาชน ส่วนฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ในสภาอย่างเคร่งครัด ทำได้แบบนี้ บ้านเมืองจะไม่ขัดแย้งรุนแรงอีก ส่วนเรื่องความบาดหมางในอดีต ควรจะมีการปรับใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อแก้ปัญหา ดูเป้าหมายของการกระทำผิด แล้วจัดการอย่างเหมาะสม”
ในวัย 59 ปี ศุภชัย ใจสมุทร คือนักการเมือง “รุ่นกลาง” ด้วยอายุ และประสบการณ์การทำงานในพรรคการเมืองที่อยู่ตรงกลาง เขาจึงไม่เทไปซีกหนึ่ง ซีกใด
ความเห็นของเขา จึงน่ารับฟัง
Ringsideการเมือง
///