นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเป็นเด็ดขาดเมื่อวันที่ 20 พ.ย.62 ที่ผ่านมาให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) กรณีมีการถือครองหุ้นสื่อมวลชนของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ในขณะที่ไปสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 6 ก.พ.62 ด้วยคะแนนเสียง 7 : 2 แล้วนั้น
แต่เนื่องจากตามพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ม.151 ประกอบรัฐธรรมนูญ 2560 ม.101(6) ประกอบมาตรา 98(3) บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกําหนด 20 ปี และในกรณีที่ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคําสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดํารงตําแหน่ง ดังกล่าวให้แก่สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย
ซึ่งตามหลักการทั่วไปแล้ว คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะต้องนำผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ไปพิจารณาประกอบในสำนวนเพื่อดำเนินการส่งฟังนายธนาธรต่อศาลฎีกาต่อไปด้วย เพราะมีการวินิจฉัยว่านายธนาธรขาดคุณสมบัติไปแล้ว ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานรัฐ ตาม ม.211 วรรคท้าย ของรัฐธรรมนูญ 2560
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เร่งรีบดำเนินการส่งฟ้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจต่อศาลฎีกาตามครรลองของกฎหมาย เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้ผู้ที่คิดจะเป็นนักการเมืองทุกคนได้ระมัดระวัง ไม่ฝ่าฝืนกฎหมายต่อไป โดยจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.62 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร B หลักสี่ กทม.นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด