ไร้ค่า ไม่ให้ราคา ไปจนถึง ไร้สาระ คือคำปรามาส ถึงพรรค กปปส. ในกระแสที่ฝ่ายทหารอยู่ในภาวะขาลง ซึ่งความนิยมของฝ่ายทหาร ย่อมสะท้อนความนิยมของพรรค กปปส. เพราะประกาศชู “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีมาแต่ไก่โห่
เหตุแห่งการดูแคลน มีสาเหตุมาจากกระแสฝ่ายทหารร่วงก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนคือ ท่าทีของฝ่ายประชาธิปัตย์ ที่ไม่ต้อนรับพรรคน้องใหม่ อดีตคนเคยรัก
บุคคลที่ฉายภาพชัดที่สุด คือ นักกฎหมายเทวดาประจำพรรค นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่า การประกาศชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ขัดกับแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ที่ยืนยันจะชู “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นนายกรัฐมนตรี
นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า กรณีลักษณะแบบนี้เคยเกิดขึ้นสมัย 10 มกรา ตอนนั้นทุกคนกังวลว่าพรรคประชาธิปัตย์จะล่มสลาย เพราะนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตเลขาธิการพรรค เป็นแกนหลัก มีอดีต ส.ส.พรรคไปร่วมด้วยหลายสิบคน และมีทุนใหญ่คอยสนับสนุน แต่ต่างกับรอบนี้ เท่าที่สอบถามแกนนำ กปปส.ต่างยืนยัน จะต่อสู้ยืนหยัดกับพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนายธานี ที่ประกาศชัดเจน นอกนั้นก็น่าจะไม่มีอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์คนอื่นไปสังกัดพรรคของนายสุเทพ
ก่อนปิดจบ ด้วยบทสัมภาษณ์สะใจขาโหด
“ส่วนผมขอบอกว่าอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ล้านเปอร์เซ็นต์และได้กล่อมสมาชิกว่าอย่าหลงคารมพรรคเฉพาะกิจ”
ชัดถ้อยชัดคำว่า สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มองการเกิดขึ้นของพรรค กปปส. ว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข่าวกระเซ็นมาตลอดว่า ดาราประจำ กปปส.อย่าง “เอกณัฐ พร้อมพันธ์” และ “จิตภัสร์ กฤดากร” ยังไปมาหาสู่ที่พรรคประชาธิปัตย์เรื่อยๆ
ที่สำคัญ นายชวน หลีกภัย สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่รับรู้กันดีว่าบารมีของนายชวนกับคนใต้ เมื่อเทียบกับนายสุเทพ แห่ง กปปส. ต้องบอกว่า “มวยคนละรุ่น” ฝ่ายแรกชนะตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเวที
มองเท่านี้ ก็ไม่แปลกใจ ที่หลายคนจะไม่ให้ราคาพรรค กปปส. ที่ผลักดันผ่านคนชื่อ “ธานี เทือกสุบรรณ” ที่รู้กันดีว่าเบื้องหลังพรรคคือ “นายสุเทพ” นี่เอง
ทว่า หากดีดลูกคิดการเมือง พรรค กปปส. หาใช่หมูให้ใครมาดูแคลน เพราะขับเคลื่อนมาจากมันสมองของคนชื่อ “สุเทพ” ผู้สร้างประวัติศาสตร์เป็นกำนันที่อายุน้อยที่สุด ในวัย 26 ปี ก่อนขึ้นแท่นเป็น ส.ส.สุราษฎร์ธานี 10 สมัยซ้อน และขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง มีข่าวให้ต้องแก้กันตลอดชีวิตการเมือง เรียกว่า เผชิญวิกฤติมาทั้งชีวิต โดยเฉพาะกรณี “สปก 4-01” และ กรณีสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง ก่อนพลิกวิกฤติเป็นแกนนำมวลชน กปปส. สร้างเซอร์ไพรส์ ขยับจากม็อบหลักพัน เป็นหลักล้านใน 2 เดือน ก่อนเป็นเหตุให้เกิดสถานการณ์มากมาย มีเหตุผลเพียงพอให้ทหาร
“ยึดอำนาจ”
ได้ชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญในการล้มรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีความเข้มแข็งทางการเมืองที่สุด เพราะมี ส.ส.ในสภาเกินครึ่งไปไกลโข ทั้งยังมีมวลชนสนับสนุนมหาศาล
ชัดเจนว่า “กึ๋นการเมือง” ของคนชื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็นที่สุด ของที่สุด
มางานนี้ ตั้งพรรค กปปส. ประกาศหนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯรัฐมนตรี จึงไม่สมควรถูกมองอย่างสบประมาท ด้วยเพราะ นายสุเทพ ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่นิยมให้ตนเองอยู่ในสภาวะวิกฤติ ซึ่งจะผลักดันให้เขาสามารถสร้างผลงานได้ดีที่สุด เพราะตลอดชีวิต ล้วนพาตัวเองสู่จุดอันตรายทั้งสิ้น แต่ก็หาทางออกได้ มีแผลเพียงรอยแมวข่วน
นอกจากนั้น การที่นายสุเทพประกาศดัน “บิ๊กตู่”เป็นนายกฯ ต่อ อย่าลืมว่า การเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องมาตามระบอบการเลือกตั้งเสมอไป
ไม่เชื่อให้ย้อนดูเหตุการณ์ 22 พฤษภาคม 2557
Ringsideการเมือง