นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวในรายการสด ทาง FB Ringsideการเมือง ระบุถึง จุดยืนของพรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางข้อสงสัยว่าจะดันฝ่ายทหารเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า อย่าเพิ่งมาด่วนตัดสินใจว่าพรรคภูมิใจไทยจะจับมือกับพรรคไหน หรือดันใครขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี มาตัดสินกันวันนี้เกรงจะหน้าแตกกันหมด เพราะพรรคภูมิใจไทยฟังเสียงประชาชน ที่จะปรากฏออกมาหลังวันเลือกตั้ง เท่านั้น
“หากปิดหีบ นับคะแนน พรรคใดพรรคหนึ่งได้เกินครึ่ง เท่ากับว่าประชาชนเลือกพรรคนั้น พรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งก็เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทย ก็ต้องทำตามกติกา เขาจะให้เป็นฝ่ายรัฐบาล หรือเป็นฝ่ายค้านก็ต้องยอม กลับกันหากเกิดพลิกล็อกพรรคภูมิใจไทย ได้เสียงอันดับหนึ่ง เราก็ทำหน้าที่รวบรวมพันธมิตรจัดตั้งรัฐบาล มันเป็นกติกาทางการเมือง แต่ถ้าไม่อยากให้เราร่วมกับใครเลย ก็เลือกภูมิใจไทยให้ได้เกินครึ่งถล่มทะลายไปเลย
ตนเชื่อว่าหลังเลือกตั้ง ถ้าพรรคการเมืองเดินตามกติกา พรรคอันดับหนึ่ง ได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน ขณะที่พรรคอันดับ 2 มีสปิริต ประเทศก็เดินไปข้างหน้าได้ ยกตัวอย่างในปี พ.ศ.2538 พรรคประชาธิปัตย์ แพ้พรรคชาติไทย 2 เสียง ท่านชวน(หลีกภัย)ยอมให้อีกฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ปัญหาก็จบ หลังจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคความหวังใหม่เล็กน้อย แต่ท่านชวนมีมารยาท ก็หลีกทางให้อีกฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล บ้านเมืองก็ไปต่อ สปิริตเป็นสิ่งสำคัญที่นักการเมืองต้องมี พรรคภูมิใจไทยยึดถือตรงนี้เป็นหลักมาตลอด หากเรามาเป็นอันดับ 2 3 4 เราถูกเลือกโดยพรรคอันดับ 1 เราก็ยอมรับ และทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เราไม่อยากถูกใช้เป็นเงื่อนไขให้ประเทศหยุดชะงัก”
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวต่อถึงคำถามเรื่องจะเลือกนายกรัฐมนตรีคนนอกหรือไม่ว่า พรรคภูมิใจไทย ยึดมั่นในเสียงประชาชน เราก็ย่อมต้องการผู้นำที่มาโดยฉันทามติของประชาชน และตนก็เชื่อว่ามันจะไม่ไปถึงจุดที่ต้องมีนายกฯคนนอก เพราะต้องใช้เสียงในสภาถึง 2 ใน 3 ที่สำคัญ ใครที่กล้าเสนอตัว ก็ต้องรู้ว่ามันไม่ง่ายต่อการทำงานอยู่ลำบาก อย่าลืมว่า ส.ว. ไม่สามารถตามไปช่วยในสภาได้ ผมขอย้ำว่า นี่คือจุดยืนและแนวทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย