ขยับสร้างผลงานซื้อใจประชาชน สำหรับ “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่งตัวเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง ที่มีพรรคเตรียมหนุนเพียบ ท่ามกลางข้อสงสัยว่า หากเทียบปอนด์ต่อปอนด์กับผลงานของนักการเมือง จะพอฟัดพอเหวี่ยงกันหรือไม่
เพราะ “บิ๊กตู่” และ คสช. จับทางเรื่องนี้ออก จึงขยันลงพื้นที่อย่างหนักตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ผ่านโครงการประชารัฐ ก่อนจะพัฒนามาเป็นไทยนิยม หว่านเงินลงไปในพื้นที่นับหมื่นล้านบาท ทั้งในรูปของงบประมาณประจำปี และงบกลางเฉพาะกิจ
สวนทางกับฝ่ายการเมือง ที่ถูกกฎหมายล็อกตาย ขยับทำคะแนนลำบาก แต่หากย้อนกลับไป ชัดเจนว่าผลงานของนักการเมืองได้เนื้อได้หนังมากกว่า เพราะนับตั้งแต่หมดยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กับ “สโลแกนน้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก” จะพบว่านักการเมืองสายนายพล ยังไม่สร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ชนิดให้ประชาชนได้จดจำอย่างชื่นใจ
ส่วนหนึ่ง เพราะทหารไม่มีพื้นที่ทางการเมืองตามกติกา การเข้ามาแต่ละครั้ง เป็นไปเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จึงไม่มีเวลาสร้างผลงานต่อยอด
กลายเป็นปัญหาให้ “บิ๊กตู่” ต้องเร่งเครื่องทำผลงาน โชว์ความสำเร็จยุคทหาร ด้วยหวังปูทางทางการเมือง
ในขณะที่ฝ่ายทหารแสวงหาคะแนน แต่ฝ่ายการเมืองมีตุนไว้เพียบ
หากนับย้อนไปจะพบว่า นักการเมือง ที่ถูกตราหน้าว่าชั่วว่าเลวนั้น มีส่วนสำคัญต่อการยกระดับประเทศ โดยเฉพาะการก่อสร้างสาธารณูปโภค ในพื้นที่ฐานเสียง และสิ่งอำนวยความสะดวกระดับประเทศ อันเป็นจุดเด่นของนักการเมือง ที่ต้องการเห็นผลเร็ว ได้ใจประชาชน
ระหว่างปี พ.ศ.2520 – 2529 ไม่มีนักการเมืองคนไหนโดดเด่นเท่า “บิ๊กเติ้ง” นายบรรหาร ศิลปอาชา ผู้สร้างสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นบรรหารบุรี ท่ามกลางความพอใจของประชาชนในพื้นที่ ด้วยระบบถนน ไฟฟ้า ประปา สถานศึกษา และโรงพยาบาล ที่ทำให้ครั้งหนึ่ง “สุพรรณบุรี” ได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่เพียบพร้อมที่สุดในประเทศไทย
พ.ศ. 2530 – 2539 พลเอกชาติชาย ชุณหะวัน แม้จะได้ชื่อว่าพลเอก แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมือง ที่มาจากการเลือกตั้ง ผลงานที่ถูกจดจำคือการเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามการค้า เปิดตลาดให้สินค้าไทย ได้เจาะตลาดเพื่อนบ้าน ปูทางให้นักลงทุนสัญชาติไทยในรุ่นหลัง
พ.ศ. 2540 – 2549 ดร.ทักษิณ ชินวัตร กับผลงานที่คนไทยไม่มีทางลืม อย่างสนามบินสุวรรณภูมิ ที่กลายเป็นความสำเร็จระดับโลก
พ.ศ.2550 – 2559 ต้องยอมรับว่า “นักการเมือง” ที่สร้างผลงานให้กับบ้านเกิดมากที่สุดคนหนึ่งคือผู้ชายที่ชื่อ “เนวิน ชิดชอบ” กับการเปลี่ยนเมืองผ่าน ให้กลายเป็นเป้าหมายในการเดินทาง ด้วยการเนรมิตดินแดนที่มีแต่ หิน ดิน ทราย ให้กลายเป็นเมืองแห่งคนรักกีฬา ด้วยสนามบอล สนามแข่งรถ โรงแรม ระดับโลก สร้างรายได้ให้กับชาวบุรีรัมย์ไม่ต่ำกว่าปีละ 2 – 3 หมื่นล้านบาท กับอีเว้นท์กีฬา ที่มีมาตลอดปี
ยังมีนักการเมืองอีกมาก ที่มีส่วนช่วยผลักดันความเจริญให้เกิดขึ้นกับประเทศ และชุมชนบ้านเกิด ทั้ง ในชลบุรี ที่มีคนตระกูล “คุณปลื้ม” คอยดูแล ที่นครปฐม นนทบุรี เชียงราย ชาวบ้านก็ยังหวังพึ่งนักการเมือง
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่นักวิชาการจำนวนมาก ทั้ง รศ.สุขุม นวลสกุล รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ผศ.ดร.เกษม เพ็ญพินันท์ ให้สัมภาษณ์กับรายการ Ringsideการเมือง ด้วยเนื้อหาที่ตรงกัน ว่า
หลังเลือกตั้ง บริบทการเมืองไทย จะกลับไปเหมือนยุค “ก่อนเลือกตั้ง”
Ringsideการเมือง