“ถ้าหากถนนเสร็จประชาชนก็จะมาเที่ยวเมืองกาญจนบุรีเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง จ.กาญจนบุรี นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายอยู่แล้ว มอเตอร์เวย์ผ่านนครปฐม-กาญจนบุรี และในอนาคตต้องมองให้เป็น เพราะที่ดินจะราดด้วยทองไม่ใช่ด้วยคอนกรีต เพราะการคมนาคมไม่ได้จบแค่ท่าม่วง ถ้าผ่านเข้าไปทวายจะทำรายได้ มีการค้าขายข้ามพรมแดนทุกอย่างก็จะดีขึ้นด้วย”
เป็นคำกล่าวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองนายกฯ ที่มีส่วนรับผิดชอบในกระทรวงคมนาคม ที่กล่าวระหว่างทยอยจ่ายค่าเวนคืนพื้นที่ เปิดทางสร้างมอเตอร์เวย์เส้นบางใหญ่ กาญจนบุรี อันสะท้อนโอกาสที่คนภาคตะวันตกกำลังจะได้รับ
สำหรับประเทศไทยแล้ว ขึ้นชื่อว่าเดินหน้าเมกะโปรเจ็ก ย่อมต้องมีเรื่องให้ปวดหัว บางครั้งถึงขั้นล้มโครงการไปดื้อๆเสียก็มี
เช่นเดียวกับโครงการข้างต้น ที่กว่าจะได้เดินหน้ากันอีกครั้ง ก็ติดอุปสรรคมากมาย เป็นเหตุให้ “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จัทน์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องสั่งรองฯอนุทิน ให้ลงไปเคลียร์ เพราะเห็นฝีไม้ลายมือตั้งแต่ความสำเร็จในการจับ CP มาเซ็นสัญญาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
หัสเดิมโครงการมอเตอร์เวย์ข้างต้นได้ฤกษ์ลุยงานตั้งแต่ปี 2559 แต่ผ่านมา 3 ปี โครงการคืบหน้าไปเพียง 25% ล่าช้ากว่าเป้าหมาย 56% โดยฝ่ายปฏิบัติการระบุว่าสามารถเข้าพื้นที่ได้เพียง 31% เท่านั้น เนื่องจากหลายพื้นที่ภาครัฐยังไม่เข้าเคลียร์ปัญหากับชาวบ้าน
เรื่องของเรื่องคือสมัยทำโครงการช่วงแรก มีการประเมินค่ากรรมสิทธิ์ที่ดิน ที่รัฐต้องจ่ายให้ชาวบ้านไว้ที่ 5.4 พันล้านบาท แต่เมื่อลงตรวจสอบพื้นที่จริงก่อนการก่อสร้าง พบว่าเงินที่รัฐต้องจ่ายเพื่อกรุงทางก่อสร้างมีจำนวนมากกว่าที่ได้ประมาณการไว้ ขณะเดียวกันยังเกิดโครงการสำคัญตามแนวเส้นทางมอเตอร์เวย์ และบริเวณใกล้เคียง ส่งผลให้สภาพการใช้พื้นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมซึ่งคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นได้กำหนดราคาค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสภาพความเป็นจริง เคาะกรอบวงเงินเพิ่มขึ้นอีก 12,534 ล้านบาท รวมเป็นเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมด 17,954 ล้านบาทนับเป็นงบประมาณที่สูงกว่าคาดการณ์ไว้มาก
ยังไม่นับรวมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างที่ทำมาหากินบนเส้นทางที่ต้องถูกเวนคืนอีกว่า 2.5 พันคน
เป็นต้นเหตุกระทบความก้าวหน้าของโครงการ
แต่ยิ่งล่วงเวลาผ่าน มูลค่าตรงนี้ยิ่งจะสูงขึ้น ในไฟท์บังคับว่ารัฐต้องลุยสร้างเพราะทำสัญญากับผู้รับเหมาไปแล้ว พร้อมกับมีความหวังว่ามอเตอร์เวย์สายนี้ จะเป็นถนนสายทองคำ นำพาความเจริญสู่พื้นที่ฝั่งตะวันตก
จะล่าช้าไม่ได้ แต่ด้วยปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายบานทะโร่ จนไม่มีผู้กล้าอยากจะยุ่ง ที่สุดต้องถึงมือนายอนุทิน และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในที่สุด
ด้วยทั้งคู่ได้ชื่อว่าเป็น “คนทำงาน” ที่ “กล้าได กล้าเสีย”
2 รัฐมนตรีค่ายภูมิใจไทยลุยงานทันที สั่งทบทวนรายการค่าใช้จ่าย และประเมินราคาที่ดินอย่างรอบคอบอีกครั้ง สามารถลดรายจ่ายไปได้ประมาณ 500 ล้านบาท
และนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.เดินหน้าจ่ายค่าเวรคืนกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อเปิดทางก่อสร้างให้เร็วที่สุด
กระทั่งวันที่ 13 ธันวาคม 2562 ปรากฏภาพพลเอกประยุทธ์ ประเดิมลงพื้นที่มอบค่าเวนคืนให้กับประชาชน นับเป็นวันดีเดย์ลุยสร้างมอเตอร์เวย์สายตะวันตก
กระทั่งล่าสุด
วันที่ 18 ธ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เป็นประธานมอบค่าเวนคืนที่ดิน และตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี บริเวณตอนที่ 20 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี โดยมีประชาชนที่จะได้รับค่าเวนคืนทั้งหมด ประกอบไปด้วยจดกาญจนบุรี 689 ราย และจ.ราชบุรี 123 ราย
นายอนุทิน กล่าวขอบคุณประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน ที่ได้เสียสละให้กับประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ทำให้รัฐบาลสามารถดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ซึ่งเป็นโครงการที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ในภูมิภาคให้ดีขึ้น
“ถ้าหากถนนเสร็จประชาชนก็จะมาเที่ยวเมืองกาญจนบุรีเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง จ.กาญจนบุรี นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายอยู่แล้ว มอเตอร์เวย์ผ่านนครปฐม-กาญจนบุรี และในอนาคตต้องมองให้เป็น เพราะที่ดินจะราดด้วยทองไม่ใช่ด้วยคอนกรีต เพราะการคมนาคมไม่ได้จบแค่ท่าม่วง ถ้าผ่านเข้าไปทวายจะทำรายได้ มีการค้าขายข้ามพรมแดนทุกอย่างก็จะดีขึ้นด้วย”
ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะให้โครงการเสร็จเปิดให้บริการตลอดสายภายในปี 2566 เร็วขึ้นจากที่มีกระแสข่าวว่าอาจเสร็จไม่ทันเพราะติดปัญหาเรื่องที่ดิน ซึ่งปัจจุบันได้รับการแก้ไขแล้ว
เป็นอีก 1 งานหิน ที่ “อนุทิน – ศักดิ์สยาม” รับคำสั่งจาก “บิ๊กตู่” และลุยจนเห็นผลงานเป็นรูปธรรม
สมฉายา “พรรคปฏิบัติการ”
Ringsideการเมือง