เปิดตัวหวือหวาสำหรับกลุ่มพรรคการเมืองใหม่กว่า 40 พรรค ที่จดจองชื่อกับ กกต. ไปแล้ว แต่หากพินิจจะพบว่าในความใหม่ ตัวละคร ของหลายพรรคล้วนเป็นหน้าเก่า
บางคนเข้าข่ายเก๋ากึ๊ก
เริ่มจากพรรคที่ดำริโดยกลุ่มทหารเก่า เส้นสายลายพรางไม่ธรรมดา นำมาโดย พรรคพลังชาติไทย หัวหน้าพรรคคือ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ อดีตคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พรรคประชาภิวัฒน์ จดทะเบียนโดย พล.ต.ไชยนาจ ญาติฉิมพลี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานอนุศาสนาจารย์ กรมเสมียนตรา กระทรวงกลาโหม และอดีตนายกสมาคมเปรียญธรรมแห่งประเทศไทย พรรคเพื่อชาติไทย หัวหน้าพรรคคือนางอัมพาพันธ์ ธนเดชสุนทร อดีตภรรยา พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้าคณะรัฐประหารเมื่อปี 2535 หรือ รสช.
ตามมาด้วยพรรคนักการเมืองเก่า ว่ากันว่ารวมกลุ่มเรียกราคา หวังเปิดช่อง จ้องดีลการเมืองหลังเลือกตั้ง ประกอบไปด้วย พรรคสังคมประชาธิปไตยประชาชน ที่จดทะเบียนโดย นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติจดทะเบียนโดย นายสุรพล นาควานิช อดีตที่ปรึกษาในคณะทำงานของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา ที่ว่ากันว่ามีเครือข่ายอยู่ใน คสช. ด้วยเพราะนามสกุลเดียวกับอดีตแม่ทัพบก พรรคพลังพลเมืองไทยจดทะเบียนโดย นายสัมพันธ์ เลิศนุวัติ อดีตแกนนำพรรคความหวังใหม่ พรรคพลังธรรมใหม่จดทะเบียนโดย นพ.ระวี มาศฉมาดล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
และในอนาคตจะมีพรรค กปปส. ของนายธานี เทือกสุบรรณ ตามมาสมทบ
ที่จะเรียกว่าหน้าใหม่ได้เต็มปาก ได้แก่ พรรคประชาไทย ของ นายบุญยงค์ จันทร์แสง ทีปรึกษาด้านกฎหมายของ องค์การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (ภาคประชาชน) พรรคพลังประชารัฐ ที่จดทะเบียนโดย นายชวน ชูจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตลาดน้ำคลองลัดมะยม พรรคพลังชาวนาไทย จดทะเบียนโดย นายสัมฤทธิ์ แก้วทน ประธานพรรคพลังชาวนาไทย เป็นต้น
และรวมไปถึงพรรคของ “เอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้บริหารกลุ่มไทยซัมมิท ที่พึ่ง “เคลียร์ใจ” กับคุณแม่ว่าจะขอเดินทางถนนสายการเมือง ร่วมมือกับ 1ใ น 5 ผู้จัดตั้งกลุ่มนิติราษฎร์ อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล
ซึ่งพรรคของ “ไพร่หมื่นล้าน” นี่เอง ที่สังคมตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนสำคัญ เป็นเพราะ “เอก” ได้ชื่อว่าเป็นคนในข่าย “รุ่นใหม่” ที่ให้ความเห็นทางการเมืองมาโดยตลอด และหลายความเห็น ต้องยอมรับว่า “เฉียบแหลม” ไปในทางประชาธิปไตยสังคมนิยม มุ่งเน้นลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม ยิ่งไม่ต้องพูดถึง “ป๊อก” อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่ชัดเจนในจุดยืน เป็นนักกฎหมาย ซึ่งเคลื่อนไหวตรงข้ามกับฝ่ายทหาร ภาพรวม ทั้ง 2 คน มีอุดมการณ์ “หัวซ้าย”โดยเฉพาะ “เอก” ซึ่งศึกษาทฤษฎีของคาร์ล มากซ์ และวลาดีมีร์ เลนิน จนเข้าใจอย่างถ่องแท้ และนอกเหนือจากอุดมการณ์ ต้องยอมรับว่าภาพลักษณ์ของทั้งคู่นั้น น่าสนใจ เพราะต่างเป็นหนุ่มหล่อนักเรียนนอก ชีวิตมีความพร้อม และมี FC ติดตามไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็น “ซ้าย” จึงถูกโจมตีในเรื่องที่ “อ่อนไหว” อย่างต่อเนื่อง ขอให้ย้อนกลับไปอ่านโพสต์ของ “ไพศาล พืชมงคล – ม.จ.จุลเจิม ยุคล” จะเข้าใจความหมายของบรรทัดนี้
นับเป็นเรื่องสำคัญ ที่ทั้งคู่ ต้องหาทางแก้โจทย์ยากที่สุดในโลกโดยด่วน อันเป็นผลแต่กรรม ซึ่งทั้งคู่เคยกระทำ มาก่อนหน้านี้
นอกจากนั้น พรรคของ “ธนาธร – ปิยบุตร” ยังเน้นขายอุดมการณ์ทางการเมือง คือ “ต่อต้านอำนาจนอกระบบ” ไม่ชัดเจนว่า เอาเข้าจริงจะขายประชาชนได้แค่ไหน เพราะต้องยอมรับว่า เหนืออื่นไดแล้ว ประชาชนคนไทยล้วนต้องการ การอยู่ดีกินดี ตรงนี้สอดคล้องกับมุมมองของ ผศ.ดร.เกษม เพ็ญพินันท์ จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวไว้ในรายการ Ringsideการเมืองว่า
พรรคของคนรุ่นใหม่ มีเพียงจิตใจที่แน่วแน่ แต่ขาดฐานเสียงสนับสนุน ที่พร้อมตัดสินใจกาคะแนนให้ ต่างจากฝ่ายนักการเมืองเก่าที่ทำงานกับประชาชนมานาน คนกลุ่มนี้ สะสมความรัก ที่จะเปลี่ยนเป็นคะแนนเมื่อวันเลือกตั้งมาถึง ตรงนี้คือสิ่งที่พรรค “คนรุ่นใหม่” ไม่มี
อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร.เกษม เพ็ญพินันท์ ยกย่องความกล้าของ “ธนาธร – ปิยบุตร” และหวังว่าความตั้งใจของทั้งคู่ ในการไม่ยอมสยบกับอำนาจนอกระบบ จะเข้าไปกระตุกกลุ่มการเมืองเก่าให้ฉุกคิด และระลึกถึงความสำคัญของประชาธิปไตย แม้จะมั่นใจว่า “คู่หูฝ่ายซ้าย” ต้องผิดหวังในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็ตาม
เห็นโจทย์การเมืองของ “ธนาธร – ปิยบุตร” แล้ว ต้องยอมรับว่าเป็นโจทย์ยาก ระดับข้อสอบโอลิมปิคทีเดียว
Ringsideการเมือง