พลันที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. และนายกรัฐมนตรี ประกาศถึงโรดแมปการเลือกตั้ง จากเดิมที่ประกาศกลางทำเนียบรัฐบาลว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 แต่ก็มีอันต้องเลื่อนไปจัดการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 หลัง สนช.แก้ไขกฎหมาย เป็นเหตุให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนไป 90 วัน
การประกาศครั้งนี้เป็นไปตามกฎหมาย ดังนั้น ไม่มีเหตุอันใดที่ คสช.จะมาอ้างว่าจำเป็นต้องเลื่อนการเลื่อกตั้งออกไป ต้องไม่ลืมว่าภายหลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 คณะคสช.อ้างว่าจะเข้ามาจัดระเบียบประเทศ ขอเวลาไม่นาน มีการประกาศการเลือกตั้งในปี 2558 เลื่อนมาเป็น 2559 และเลื่อนมาเป็น 2561 จนกระทั่งล่าสุด เลื่อนมาเป็นกุมภาพันธ์ 2562 ดังนั้น การประกาศการเลื่อนเลือกตั้งทุกครั้งก็ส่งผลให้ความน่าเชื่อถือในตัวของพลเอกประยุทธ์ลดต่ำลงไปทุกครั้ง หากมีการเลื่อนการเลือกตั้งอีก ความชอบธรรมในการมีอยู่ของคณะคสช.ก็จะหายไป
ที่ผ่านมาทั่วโลกให้ความสำคัญกับประเทศไทย เพราะเป็นเมืองที่เหมาะสมกับการลงทุน ทั้งในเรื่องของที่ตั้ง ศักยภาพของประชากร และ ระบอบการปกครองที่เราเป็นประชาธิปไตย(ช่วงนั้น) แต่จากการรัฐประหารที่เกิดขึ้น ส่งผลให้การลงทุนชะงัก การค้าขายกับต่างประเทศก็หายไป โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศอเมริกาเหนือ และยุโรป ที่ปฏิเสธการทำสัญญาค้าขายระหว่างชาติ มีการกดดันทางอ้อม โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการค้าแรงงานทาส (TIP Report) เศรษฐกิจของประเทศไทยทั้งภายในและต่างประเทศได้รับผลกระทบหนักมาก มีการเพิ่มพิกัดอัตราภาษีทางการค้า ที่มาพร้อมกับข้ออ้างว่าประชาชนมีรายได้สูง ซึ่งสวนทางกับความจริง แต่ฝรั่งมังค่ากลับปิดตาแกล้งมองไม่เห็น ทำให้การแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศมีต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่ภาพลักษณ์ ปรากฏว่าถูก House of freedom จัดอันดับให้อยู่ในข่ายไร้เสรีภาพ ดังนั้นประเทศไทยต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับมาให้เร็วที่สุด
(ทั้งนี้ แม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่ปรากฏว่าตัวเลขความเหลื่อมล้ำยังสูงอยู่ สาเหตุสำคัญมาจากเงินจากทางภาครัฐ กระจายไปไม่ถึงชาวบ้านทั่วไป ท่อตันถึงแค่กลุ่ม “นายทุนประชารัฐ” ไม่กี่เจ้า)
หลักการในการสร้างความเชื่อมั่นคือ การเร่งในการกลับสู่กระบวนการประชาธิปไตยที่ทั่วโลกยอมรับ หากคสช.ยังไม่ยอมที่จะคลายอำนาจที่มีอยู่ก็อาจจะส่งผลในทางลบกับประเทศ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น จะเป็นตัววัดอนาคตประเทศไทยในเวทีโลก อย่าวัดแค่มีคณะนักธุรกิจหรือทูตต่างชาติมาพบที่ทำเนียบ แต่ประเทศไทยต้องวัดด้วยว่าใครคบค้าสมาคมกับเรา ประเทศทั่วโลกเขาเป็นประชาธิปไตย เขาก็จะคุยแต่กับรัฐบาลประชาธิปไตยด้วยกัน ส่วนรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารก็คุยในระดับหนี่งเท่านั้น หากคสช.ที่บอกว่าอยากให้ประเทศเดินหน้า บอกรักประเทศ ก็ควรจะเดินตามโรดแมปของคสช. เพราะประเทศ เป็นของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่ชองคสช.
Ringsideการเมือง