นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หลังจากสภาผู้แทนราษฎร มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 423 : 0 เมื่อวันที่ 22 พ.ย.62 ให้แบน 3 สารพิษ คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายกลับมีมติเมื่อวันที่ 27 พ.ย.62 สวนทางกับมติของสภาผู้แทนราษฎร โดยมติดังกล่าวยังเป็นทึ่กังขาว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะมีกรรมการจากหลายหน่วยงานทักท้วงนั้น ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ ตนจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะการที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ปฏิบัติตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นเอกฉันท์ดังกล่าว นับเป็นกรณีผิดปกติของการบริหารราชการแผ่นดิน อีกทั้งการไม่รับฟังข้อทักท้วงของผู้ตรวจการแผ่นดินแพทยสภา และสภาเภสัชกรรม ยิ่งสำทับความผิดปกติให้ทวีคูณยิ่งขึ้น
นายชวลิต ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนและเพื่อน ส.ส.หลายพรรคการเมืองได้ร่วมยื่นญัตติด่วนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการเยียวยา การหาวิธีการทดแทน การปรับเปลี่ยน และการขับเคลื่อนการเกษตรที่ใช้สารเคมีไปสู่เกษตรอินทรีย์เพื่อระบบเกษตรและอาหารที่ยั่งยืน คาดว่าจะได้รับการพิจารณาในต้นปี 2563
เท่าที่ติดตามและประเมินข่าว ประชาชนกำลังตื่นตัวและให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของตนเอง ครอบครัว และบุตร หลาน อย่างยิ่ง การยื่นญัตติด่วนดังกล่าวถือเป็นการต่อยอด ติดตามมติของสภาผู้แทนราษฏรโดยเฉพาะการแบน 3 สารพิษให้เห็นผลในทางปฏิบัติ รวมทั้งจะได้ร่วมผลักดัน ส่งเสริมสนับสนุนการเกษตรบ้านเราไปสู่เกษตรอินทรีย์ เพื่อระบบเกษตรและอาหารที่ยั่งยืน
ขอพี่น้องประชาชนผู้รักสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม ร่วมมือสนับสนุนโครงการเกษตรอินทรีย์ให้เป็นวาระแห่งชาติอย่างแท้จริง
ส่วนตัวผมและคณะเพื่อน ส.ส.ตั้งใจจะทุ่มเททำงานเรื่องนี้ให้เป็นของขวัญปีใหม่ทางด้านจิตใจแก่ประชาชน ว่ายังมีส.ส. ทั้งสภา ฯ ใส่ใจสุขภาพอนามัยประชาชน โดยจะร่วมมือทำงานกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ท้อถอยกับงานที่มีปัญหา อุปสรรค แต่อย่างใด