หน้าแรก news แนะเพื่อไทยเปิดทางคนรุ่นใหม่ เชื่อ “ประยุทธ์”เจอไฟท์บังคับต้องประกาศเลือกตั้ง มั่นใจ “ดีล” จบแล้ว ได้ “บิ๊กตู่” คัมแบ็ก(มีคลิปด้านใน)

แนะเพื่อไทยเปิดทางคนรุ่นใหม่ เชื่อ “ประยุทธ์”เจอไฟท์บังคับต้องประกาศเลือกตั้ง มั่นใจ “ดีล” จบแล้ว ได้ “บิ๊กตู่” คัมแบ็ก(มีคลิปด้านใน)

0
แนะเพื่อไทยเปิดทางคนรุ่นใหม่ เชื่อ “ประยุทธ์”เจอไฟท์บังคับต้องประกาศเลือกตั้ง มั่นใจ “ดีล” จบแล้ว ได้ “บิ๊กตู่” คัมแบ็ก(มีคลิปด้านใน)
Sharing

รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยกับสำนักข่าวริงไซด์นิวส์ ถึงสถานการณ์ทางการเมือง ว่า การเลือกตั้งในปี 2562 เป็นไฟท์บังคับที่คสช.จะบิดพลิ้วไม่ได้ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาเลื่อนออกไปอีก เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ก็เลื่อนจนชาวโลกเขามองท่านเป็นตัวตลกบนเวทีนานาชาติ ดังนั้นหากจะหาเหตุมาเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก ก็จะทำลายเกียรติภูมิของประเทศ

 ภายหลังการเปิดให้มีการลงทะเบียนการเลือกตั้ง  พบว่าหลายพรรคอาจจะประกาศนโยบายพรรคการเมืองหรือจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นเรื่องของแนวคิด เป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรพิเศษ เพราะว่าไม่มีใครรู้ว่าพรรคนี้อยู่เบื้องหลังจริงไหม ให้ออกทุนให้ หรือเป็นพรรคที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริงหรือไม่ ต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองว่าพรรคการเมืองที่แถลงนโยบายมา มีอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์ การดูข่าวคงบอกอะไรไม่ได้มาก มีแค่ว่าพรรคการเมืองประกาศตัวว่าสนับสนุน แต่จริงๆ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์เตรียมไว้หมดแล้ว มั่นใจว่ามีการคุยกับพรรคเก่าไว้ทุกพรรคแล้ว ว่าใครจะเล่นบทไหน 

ที่น่าสนใจคือการทำงานมาของ พล.อ.ประยุทธ์และคณะคสช.ถือว่าล้มเหลวมาก เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำที่ไร้ความสามารถ ไม่เก่ง รวมทั้งให้ความสนใจพรรคพวกเพื่อนฝูงเข้ามามีตำแหน่งแห่งหนเท่านั้น ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาอะไรได้ นอกจากนี้ยังเกิดข้อครหาเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นด้วย ในขณะที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์มีอำนาจมากที่สุด แต่กลับไม่เน้นในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ลอยตัวเหนือปัญหา ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในตัวผู้นำประเทศในที่สุด   ดังนั้นหากกลับเข้ามาสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหวั่นว่าส่งผลกับภาพลักษณ์ของประเทศ ในขณะเดียวกัน การเลือกตั้งตามประกาศต้องเกิดขึ้น หากไม่เกิดขึ้นเชื่อว่าประชาชนไม่ยอมแน่ ตนเกรงว่าหากคสช.ไม่รักษาคำพูดอาจส่งผลให้เกิดปัญหาความขัดแย้งตามมา

การเปิดทางให้มีการจดทะเบียนพรรรคการเมืองใหม่ และหลายพรรคประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย  เพราะการเปิดตัวพรรคใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเร็วเกินไป พรรคการเมืองเพิ่งเปิดให้จดทะเบียนยังรู้ใครเป็นใคร  มีความสัมพันธ์ด้วยกันมากแค่ไหน และพรรคที่ตั้งขึ้นมาใหม่นั้นก็กล้าประกาศตัวว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จึงชัดเจนว่ามีการเจรจากันในเบื้องต้นกับทั้งพรรคการเมืองเก่าและใหม่มาแล้วในระดับหนี่ง ทั้งที่ยังไม่ได้ลงเลือกตั้งเลย ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้คะแนนเท่าใด จึงเปิดกว้างเอาไว้

ขณะเดียวกันปัญหาของการเลือกตั้ง ความเป็นกลางคงไม่มีอยู่แล้ว เพราะประเทศนี้ใครมีอำนาจก็ฉกฉวยประโยชน์ให้ตัวเองและพรรคพวกเป็นใหญ่ ระบบนี้แก้ไม่ได้ เพราะประเทศไทยไม่มีความเป็นธรรมในสังคม แต่ปัญหาของการเลือกตั้งคงไม่มี การประกาศแบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีคนสนับสนุนเยอะ แต่ตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ จริงๆ แล้วพ รรคสำคัญคือพรรคใหญ่ๆ ที่มีอยู่เดิมอยู่แล้ว หลังเดือนเมษายนไปต้องจับตาดูว่าพรรคไหนจะกล้าประกาศตัว เพราะว่าพรรคใหญ่ พรรคกลาง พรรคใหญ่ 2 พรรค พรรคกลาง 1 พรรค พรรคเล็ก 2-3 พรรค พรรคพวกนี้มีคะแนนเกินกึ่งหนึ่งอยู่แล้วในการเลือกตั้ง

รศ.อัษฎางค์ กล่าวด้วยว่า ส่วนพรรคการเมืองใหญ่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จำต้องมีการปรับตัว เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่จำต้องเปิดทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีพื้นที่ทางการเมือง เพราะหากยังคงอยู่แบบเดิมก็จะทำให้เกิดปัญหากับผู้มีอำนาจทางกองทัพ ดังเช่นที่ผ่านมา


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่