วานนี้(8 มกราคม 2563) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือ “รองฯหนู” ทำภารกิจ “หัวใจติดปีก” ที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี นับเป็นการขึ้นบินครั้งที่ 30 ในภารกิจขับเครื่องบินรับส่งอวัยวะ
ย้อนกลับไปในวันที่ 16 ธันวาคม 2557 หลังจาก “นายอนุทิน” ขับเครื่องบินส่วนตัวได้คล่องปร๋อ เพื่อนหมอที่รู้จักได้โทรหาขอให้ช่วยนำ “หัวใจ” จากผู้ป่วยสมองตาย ที่จังหวัดอุดรธานี ไปต่อชีวิตผู้ป่วยรายอื่น
ทั้งนี้ ผู้ป่วยท่านดังกล่าว เมื่อครั้งมีชีวิต ได้แสดงความประสงค์จะบริจาคอภวัยวะ “สร้างบุญสุดท้าย”
เหตุการณ์วันนั้นคือ “ปฐมบท” ของภารกิจ “สารถีชีวิต” หรือที่หลายคนเรียกว่า “หัวใจติดปีก”
แต่นั้นเป็นต้นมา “นายอนุทิน” ต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับสายคุณหมอแบบ 24 ชั่วโมง เพื่อแสตนบายด์ให้พร้อมสำหรับภารกิจที่มีชีวิต “คน” เป็นเดิมพัน
จากคนที่เคยจิบแอลกอฮอล์บ้าง ก็บอกลากันไป
จำนวนไฟลท์ “ชีวิต” นั้นมากมาย จนเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2559 สภากาชาด ต้องจัดมอบโล่อันทรงเกียรติแทนคำขอบคุณ
เอาเฉพาะปี 2562
ซึ่งเป็นปีที่ “รองฯหนู” มีงานล้นมือเพราะไหนจะต้องสู้ศึกเลือกตั้ง หลังจากนั้นได้เข้ามาทำงานในฐานะรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่กระนั้น ภารกิจช่วยชีวิตคน ก็ไม่เคยขาดตกบกพร่อง
ในปีดังกล่าว ได้ขับเครื่องบินทำภารกิจไปแล้ว 4 ไฟลท์
ที่ปรากฏเป็นข่าวเริ่มจาก วันที่ 1 เม.ย. “รองฯหนู” ได้ขับเครื่องบินมุ่งหน้าสู่สนามบินจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อส่งทีมแพทย์ไปผ่าตัดเอาหัวใจ ของผู้บริจาคที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด กลับมาให้แก่ผู้รอรับบริจาคที่สภากาชาดไทย
จากนั้นวันที่ 8 กันยายน “ออกเดินทางจากกรุงเทพ ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ทำหน้าที่เป็น “สารถีชีวิต” อีกครั้ง
5 ตุลาคม “รองฯหนู” ต้องขับเครื่องบินไปที่จังหวัดอุดรธานี หลังมี “เคส” ที่ต้องรีบชีวยเหลือ ภารกิจครั้งนี้ เป็นการขับเครื่องบินฝ่าพายุ ที่เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่าหลังทำภาจกิจลุล่วง ก็อยู่ในสภาวะ “หมดสภาพ”
จากนั้น เดือนพฤศจิกายน “รองฯหนู” ได้รับการประสานขอความช่วยเหลือ ให้รีบไปรับอวัยวะจากจังหวัดอุดรธานีอย่างเร่งด่วน
ก่อนที่จะมาประเดิมภารกิจแรกในปี 2563 ที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี
ที่รายงานเป็นข่าวนั้น ยังไม่นับรวมบางภารกิจที่ “ท่านรองฯ” อยู่เบื้องหลังการให้ความช่วยเหลือ กรณีที่ติดปัญหาสุขภาพไม่สามารถขึ้นบินเองได้
เจ้าตัวมักจะถล่มตนว่า “ผมเป็นเพียงเด็กส่งของครับ งานหนักอยู่ที่ทีมแพทย์และพยาบาล” ที่นายอนุทิน โพสต์หลังจากเสร็จภารกิจการช่วยเหลือครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งนายอนุทิน ต้องรับหัวใจ และไต 2 ข้าง จากผู้ประสบอุบัติเหตุ จนถึงขั้นสมองตาย ไปช่วยเหลือผู้ป่วย
แน่นอน แม้ “รองฯหนู” จะเปรียบตัวเองเป็นเพียงคนส่งของ แต่ของที่ว่าหาใช่สิ่งสามัญ
ทว่าเป็น “ชีวิตคน”
ทั้งนี้ การขึ้นบินแต่ละครั้ง หาใช่เพียงช่วยหนึ่งชีวิต แต่หลายครั้งที่ “รองฯหนู” ขึ้นบินเพื่อไปรับอวัยวะส่วนต่างๆ ในคราวเดียว ที่สามารถต่อลมหายใจให้กับ 2-3 ชีวิต
ความทุ่มเทของ “รองฯหนู” ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา อาจจะช่วยคนได้ถึง 60-70 คน
เบื้องหน้าภารกิจคือการช่วยชีวิตคน แต่สิ่งที่มากกว่านั้น คือ สิ่งที่ “นายอนุทิน” ปฏิบัติมาตลอดหลายปี เป็นการ “ทำบุญใหญ่” ครั้งสุดท้ายให้ผู้เสียชีวิต และเป็นการ “มอบความสุข” อย่างล้นเหลือแก่ผู้ที่รอดชีวิต รวมไปถึงครอบครัวของบุคคลนั้น
Ringsideการเมือง